วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ผิวสดใสในวัยผู้ใหญ่

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

ผิวสดใสในวัยผู้ใหญ่
          เป็นเรื่องตลกร้ายที่ว่าสตรีในวัยทำงานมากกว่าครึ่งหนึ่ง ต้องต่อสู้กับปัญหาของผิวหน้าที่เป็นสิว รวมไปถึงต่อสู้กับรอยตีนกาไปพร้อม ๆ กัน ผู้ต้องหาหนึ่งในนั้นก็คือฮอร์โมน ซึ่งมีปริมาณลดลงในผู้หญิง ไม่ได้มีสม่ำเสมอเหมือนในผู้ชาย แพทย์หญิง โจเน็ธ อี เครี่, M.D.,Ph.D. ผู้ช่วยศาสตราจารย์โรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งเมืองไมอามี่ กล่าวว่า "เมื่อระดับเอสโตรเจนแกว่งขึ้นแกว่งลง-หรือในกรณีหมดรอบเดือน-คือการมีแอนโดนเจน ซึ่งคอยกระตุ้นต่อมน้ำมันน้อยลง ทำให้ผิวแตก"

          ผู้ต้องหาอีกอย่างหนึ่งก็คือความเครียด ซึ่งไปทำให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้น ซึ่งอย่างหนึ่งที่คุณต้องการคือไม่มีความเครียดเพื่อที่จะควบคุมสภาพผิวหนังให้ได้ มีการรักษาใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผิวสวยขึ้นอย่างง่าย ๆ แล้วยังช่วยลดสัญญาณของความแก่ให้ด้วย


          กำจัดริ้วรอยด้วยตนเอง

          การดูแลให้เป็นกิจวัตรนี้ช่วยต่อสู้กับสิว ซึ่งเกิดจากรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันและเศษเซลผิวหนัง และการอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes แต่ที่ไม่เหมือนกับการรักษาด้วยการใช้ยาเฉพาะที่แบบที่วัยรุ่นทำกัน ซึ่งผลิตขึ้นมาสำหรับผิวที่มันกว่า เราควรใช้สูตรสำหรับผิวที่โตเต็มวัยที่มักจะแห้งและมีรอยย่นเห็นได้ชัดกว่า การดูแลจะต้องคำนึงถึงทั้งเรื่องของสิวและผิวที่แก่ด้วย โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ

        ซาลิซีลิค แอซิด ช่วยเปิดรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบโดยกำจัดเซลที่ตายออกไป

        เรตินอยด์ มีคุณสมบัติเหมือนเรตินอล เป็นอนุพันธ์ของไวตามิน เอ ที่ช่วยรักษาสิว, ริ้วรอยเล็ก ๆ , และจุดที่เกิดจากแสงแดด และช่วยให้การผลัดผิวเป็นไปตามปกติ

        Humectant (สารให้ความชื้น) ช่วยจับความชื้น และต่อต้านการอักเสบ เช่นชาเขียว และ allantoin ที่ช่วยการอักเสบ



          ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อจัดการกับริ้วรอยที่มีอยู่และป้องกันไม่ให้ของใหม่เกิดขึ้น


          ตอนเช้า :

        ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ให้ล้างหน้าด้วยซาลิซีลิค แอซิด แพทย์หญิงไดแอน เบอร์สัน, M.D. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาโรคผิวหนัง จากวิทยาลัยแพทย์ Well Medical College ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล และเป็นกรรมการของสมาคม American Acne and Rosacea Society กล่าวว่า "ซาลิซีลิค แอซิดจะเข้าไปในรูขุมขนและทำให้เศษของสิ่งต่าง ๆ หลุดออกมา" นอกจากนี้ เคริ ยังแนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เป็นเจล (เพราะอาจมีแอลกอฮอล์เจือปน) และยาขัดผิวที่ใช้ผงขัด ซึ่งจะไปขัดเอาผิวและน้ำมันออก ทำให้ผิวต้องออกแรงชดเชยด้วยการสร้างเซลใหม่มากเกินกำลัง

        รักษาบริเวณที่มีปัญหา หากผิวมีสิวอยู่ก่อนแล้ว ให้แต้มยาขจัดริ้วรอยที่มีซาลิซีลิคแอซิด หรือเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เป็นการฆ่าแบคทีเรียที่ผิวและทำให้แห้ง หากคุณมีแนวโน้มที่จะมีสิวในบางบริเวณ (เช่นที่คาง) ให้ทาทั่วบริเวณนั้นทุกวัน เพื่อเป็นการป้องกัน

        หากผิวแห้ง ให้ใช้มอยสเจอไรเซอร์ที่มีค่า SPF 15 หรือสูงกว่านั้น ให้เลือกชนิดที่อัลฟ่าไฮดร็อกซี่ แอซิด (หรือ AHA) อย่างเช่นกลัยโคลิค แอซิด (glycolic acid) เพื่อให้ได้ผลสองต่อ : คือ AHA จะช่วยลอกรูขุมขนในขณะที่เอาเซลที่ตายออกไป แล้วยังทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วย หากเป็นคนผิวมัน ให้ใช้ยาทากันแดดที่ปราศจากน้ำมัน (oil free) เนื่องจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตทำให้ผิวด้านนอกหนาขึ้น มันจะไปอุดรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้


         ตอนกลางคืน :

        ล้างเครื่องสำอางออกด้วยยาล้างที่อ่อนโยน เนื่องจากผิวหน้าจะผลัดผิวหนังได้ดีหากผิวสะอาด

        ทาครีมเรตินอล ครีม Retin-A เป็นครีมที่ต้องให้แพทย์สั่ง ได้รับการรับรองว่าสามารถรักษาสิวได้เป็นเวลานานมาแล้วก่อนที่จะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการต่อสู้กับรอยเหี่ยวย่น เครี่กล่าวว่า "เรตินอยด์ช่วยขจัดและสิวหัวดำไปจนถึงสิวอักเสบ รวมไปถึงสิวตุ่มแดง ๆ ที่อยู่ตามแนวกราม" ส่วนเรตินอลชนิดที่สามารถซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์นั้น จะใช้ได้ผลไม่มากเท่าแบบแรก แต่ระคายเคืองน้อยกว่าและเข้ากับผิวได้ดีกว่า

        ใช้มอยสเจอไรเซอร์ตามความจำเป็น ทาโลชั่นบนใบหน้าบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง


          แพทย์ช่วยอะไรได้บ้าง

          หากผิวของคุณไม่ตอบสนองต่อการทรีตเมนท์ ที่ทำเองที่บ้านภายในสองหรือสามสัปดาห์ หรือผิวเป็นตุ่ม ๆ ขึ้นมา (เช่นมีตุ่มคล้ายซิสท์ที่ใหญ่ เจ็บ แล้วอาจเป็นแผลเป็นได้) ให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจใช้เรตินอลที่แรงขึ้นรวมทั้งครีมฆ่าเชื้ออย่างเช่นบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ เพื่อฆ่าแบคทีเรียและรักษาอักเสบ โบนัสที่ได้ก็คือ ยาที่แพทย์สั่งให้ใหม่นี้จะเหมาะกับผิวที่มีอายุและผิวแห้งกว่า เบอร์สัน กล่าวว่า "หากในสองสามเดือนยังไม่มีอะไรดีขึ้น แพทย์ก็สามารถเพิ่มเติมยาให้อีกได้" ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอาวุธอื่นที่จะต่อสู้กับสิว ได้แก่

        ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน คอร์สการใช้ยายาวนานระหว่าง 2 ถึง 6 เดือน ช่วยเร่งการรักษาโดยมุ่งไปยังรอยที่ลึก ๆ ยาเหล่านี้ จะไปตามกระแสโลหิต ดังนั้นมันจึงช่วยต่อสู้กับสิวที่เกิดบนแผนหลังและหน้าอกที่ยาเข้าถึงได้ยากด้วย

        ฮอร์โมนบำบัด เพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่และลดอาการร้อนวูบวาบในวัยก่อนหมดรอบเดือน ผู้ป่วยมักได้รับยาคุมกำเนิดปริมาณต่ำ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่ นั่นคือ สตรีที่อายุเกิน 40 ไปแล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงแบบเดียวกับที่เกิดจากการใช้ฮอร์โมนบำบัดในการรักษาอาการของการหมดรอบเดือน ซึ่งรวมไปถึงเส้นเลือดอุดตัน การให้ฮอร์โมนแบบนี้มักให้ร่วมไปกับการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน หรือบางทีก็อาจให้แต่ฮอร์โมนอย่างเดียว เช่น spironolactone ซึ่งเป็นฮอร์โมนต้านแอนโดรเจน มีผลในการลดการผลิตน้ำมันลง

        การบำบัดด้วยแสง การบำบัดแบบนี้ทำร่วมกับการบำบัดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มผลที่ได้ แสงสีฟ้าจะช่วยฆ่าเชื้อ P.Acnes ได้ชั่วคราวโดยการฉายนาน 15 นาที โดยปราศจากความเจ็บอย่างไรก็ตาม แบคทีเรียก็สามารถกลับมาได้อีก ดังนั้นจึงต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องใช้เงินราว 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วยังมีการรักษาแบบใหม่เพื่อดูดรูขุมขนขจัดเอาซีบัมส่วนเกินออกพร้อมกับใช้แสงเลเซอร์ฆ่าแบคทีเรียเรียกว่า lsolaz Pore-Cleansing Acne Treatment โดยทำสามถึงหกครั้ง ด้วยงบประมาณระหว่าง 300 ถึง 500 ดอลลาร์ ทั้งสองอย่างที่กล่าวมาต้องทำการติดตามผลทุกเดือน


แนะนำ >> คังเซน โปรจีน
ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม
http://www.kangzenofcr.com/14845008/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99-%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-kangzen-progene

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น