วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อาการเหนื่อยบ่งบอกโรคได้

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

อาการเหนื่อยบ่งบอกโรคได้
ออกซิเจนเป็นสารที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตอยู่ ถ้าขาดออกซิเจน คนเราจะถึงแก่กรรมในระยะเวลาอันสั้น ...

การหายใจเป็นการนำออกซิเจนเข้าไปสู่ในปอด และแลกเปลี่ยนกับเลือดที่ไหลมายังปอด ออกซิเจนจะซึมเข้าไปในกระแสเลือด และไหลออกไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในภาวะปกติการหายใจจะเป็นสัดส่วนกับความต้องการออกซิเจนของร่างกาย ปกติแล้วการหายใจควบคุมโดยสมองส่วนกลาง โดยที่เราไม่ต้องคิดที่จะหายใจเอง

ในภาวะปกติเราจะไม่รู้สึกเหนื่อย อาการเหนื่อยเป็นความรู้สึกที่บอกตัวเราว่า เราต้องออกแรงหายใจมากกว่าปกติ จะเป็นเพราะเราต้องหายใจเอาอากาศเข้า-ออกเป็นปริมาณมาก ๆ หรือมีหลอดลมตีบทำให้หายใจลำบากขึ้นก็ได้ คนปกติจะไม่รู้สึกเหนื่อย ในขณะที่ใช้ชีวิตและทำงานอย่างธรรมดาประจำวัน แต่จะรู้สึกเหนื่อยเมื่อต้องออกกำลังมาก เช่น ในขณะที่เล่นกีฬา หรือต้องทำงานหนัก เช่น แบกของเป็นต้น การเหนื่อยง่ายถือว่าผิดปกติ ถ้าหาก

เมื่อออกกำลังหรือทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยในขณะที่คนอื่น ๆ ไม่รู้สึกมีอาการเหนื่อยในขณะที่ทำงาน หรือออกกำลังซึ่งแต่เดิมสามารถทำได้โดยไม่มีอาการเหนื่อย ตัวอย่างเช่น แต่ก่อนเดิน 100 เมตรได้ไม่เหนื่อย แต่ในปัจจุบันเดินแล้วเหนื่อย อาการเหนื่อยอาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากโรค และไม่ใช่โรค และอาจเกิดจากโรคที่มีอันตรายถึงตายได้ หากรักษาหรือแก้ไขไม่ทัน สาเหตุของการเหนื่อยง่ายจากโรคอาจแบ่งเป็น โรคหัวใจ โรคปอด โรคโลหิตจาง โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ โรคของประสาท และกล้ามเนื้อ

สาเหตุของการเหนื่อยง่ายที่ไม่ได้เกิดจากโรคอาจแบ่งเป็น

ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากการขาดการออกกำลังกาย (Physical unfit)ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากเพิ่งฟื้นไข้ และขาดอาหาร ร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากพักผ่อนไม่พอ มีความเครียดกังวลมาก ท้อแท้ หรือที่เรียกว่าเหนื่อยใจ

ผู้ที่มีอาการเหนื่อยง่ายควรจะไปพบแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการเหนื่อยง่ายเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน ในการวินิจฉัยหาสาเหตุอาการเหนื่อยนั้น แพทย์จำเป็นต้องซักถามประวัติและตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบทางด้านปอด และหัวใจ นอกจากนั้นจำเป็นต้องมีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อหาสาเหตุของอาการเหนื่อย

การตรวจโดยขั้นต้น ได้แก่

ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด (CBC) ตรวจปัสสาวะ (Urine exam) ตรวจเบาหวาน ตรวจการทำงานของตับ และไต ตรวจระดับฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ เอกซเรย์ปอดและหัวใจ (Chest X-ray) ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ตรวจสมรรถภาพปอด (Spirogram)

การตรวจขั้นต่อไป ถ้ามีการผิดปกติ เช่น มีประวัติและตรวจร่างกาย แนะนำว่าเป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะมีคลื่นหัวใจที่ผิดปกติ และมีหัวใจโตในเอกซเรย์ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจแพทย์ทางด้านหัวใจต่อไป

ในกรณีที่พบว่าเป็นโรคเบาหวาน หรือต่อมไทรอยด์เป็นพิษต้องพบอายุรแพทย์ผู้ชำนาญทางด้านต่อมไร้ท่อ กรณีที่ผู้ป่วยมีโลหิตจาง จำเป็นต้องตรวจต่อ เพื่อดูว่าโลหิตจางเป็นจากการเสียเลือด หรือโรคเลือดโดยตรง หรือจากโรคมะเร็ง ซึ่งถ้าตรวจพบ ต้องไปพบแพทย์ผู้ชำนาญโรคเฉพาะทาง ถ้าเป็นร่างกายอ่อนแอเนื่องจากการขาดกำลัง และอื่น ๆ ตามที่กล่าวมา ควรพบแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เข้าโครงการทำ Physical Fitness ถ้าเป็นจากทางด้านจิตใจ ซึ่งเป็นกว่า 50% ของผู้ป่วย อาการเหนื่อยมักจะเป็นจากข้อนี้ อาจลองให้ยาคลายเครียด Reassure แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการทางด้านจิตมาก ก็ควรจะส่งแพทย์ทางด้านจิตเวช


ขอบคุณที่มา : zazana.com

ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คอลลาเจนคืออะไร??

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

           คอลลาเจนคืออะไร??

          คอลลาเจนคือโปรตีนซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักๆของชั้นผิวหนัง ทำหน้าที่เป็นตัวประสานเนื้อเยื่อของผิวหนังเข้าด้วยกัน โดยโปรตีนชนิดนี้มีส่วนประกอบถึง 25% ถึง 35% ของจำนวนหน่วยโปรตีนทั้งหมดในร่างกาย โดยมีมากที่สุดที่ผิวหนัง และ ประมาณ 1% ถึง 2% ที่ปะปนอยู่ในเซลล์กล้ามเนื้อ การผลิตเจลลาตินในอาหารได้จากกรรมวิธี การย่อยหน่วยคอลลาเจนที่เรียกว่า Hydrolysis

           หน้าที่ของคอลลาเจน

          คอลลาเจนคือโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นสายยาว ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างจากสารโปรตีนโดยทั่วๆไปเช่นเเดียวกับเอนไซม์ สายเส้นใยของคอลลาเจนถูกเรียกว่า คอลลาเจน ไฟเบอร์ (Collagen Fiber) ซึ่งจะมีลักษณะเป็นสายเกลียวที่มีหน่วยโมเลกุลเกี่ยวพันกันมากมาย โดยปกติทั่วไปผิวหนังที่มีคอลลาเจนเป็นโครงสร้างอยู่มากจึงมีแรงสปริงตัวและ ยืดหยุ่นได้ดีตามไปด้วย คอลลาเจนนั้นไม่ได้มีอยู่ที่ผิวหนังส่วนนอกเท่านั้น อวัยวะภายในร่างกายเองก็ คอลลาเจนเป็นส่วนประกอบอยู่มาก ได้แก่ ผังผืด (Fascia), กระดูกอ่อน(cartilage), เส้นเอ็น(ligaments), ข้อต่อ (tendons),กระดูก (bone) สารคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบหลักของชั้นผิวมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า เคราติน Keratin

          เคราติน Keratin, เคราตินมีหน้าที่สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่น เมื่อสารเคราตินในชั้นผิวลดลง จึงเกิดริ้วรอยแห่งวัยขึ้นบนชั้นผิว, นอกจากนี้ เคราตินมีหน้าที่สร้างความยืดหยุ่นให้ผนังหลอดเลือด ,มีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อใหม่, รวมทั้งยังเป็นส่วนประกอบของเยื่อกระจกตาและเลนส์ตาด้วย

          Hydrolyzed Collagen เองยังถูกใช้งานในแง่ของการลดน้ำหนักได้ด้วย เนื่องจากเป็นส่วนประกอบของโปรตีนจึงมีข้อดีในการช่วยเผาผลาญพลังงานลดไขมัน ส่วนเกิน

          บทบาทคอลลาเจนในวงการอุตสาหกรรม

          เมื่อนำคอลลาเจนมาผ่านกระบวนการ Hydrolyzed สารคอลลาเจนจะแตกตัวออกเป็นสารเชิงซ้อนของคอลลาเจนเปปไทด์แบบ Polyproline II (PPII) หรือลักษณะของเจลาตินที่นำมาเป็นส่วนผสมของอาหารนั่นเอง นอกจากการใช้เป้นอาหารแล้ว คอลลาเจนยังใช้เป็นส่วนประกอบของยา เครื่องสำอางค์ และฟีล์มถ่ายภาพเมื่อพิจารณาในแง่ของอุตสาหกรรมอาหารแล้ว สารคอลลาเจนไม่ได้ประกอบด้วยกรดอะมิโนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่มีการประชาสัมพันธ์เชิงการค้าว่าผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมคอลลาเจนต่างแสดง คุณสมบัติของสินค้าว่าสามารถยับยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัยและมีผลดีต่อ สุขภาพ ซึ่งยังไม่มีผลการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ออกมาสนับสนุนการโฆษณาในลักษณะนี้

          คำว่าคอลลาเจน (Collagen) มีรากศัท์มาจากภาษากรีกจากคำว่า “Kolla” ที่แปลว่า กาว โดยเมื่อก่อนได้มีการทำกาวโดยการนำหนังและเอ็นม้ามาเคี่ยวจนกลายเป็นกาว ตามหลักฐานที่พบมีการใช้งานกาวลักษณะนี้มากว่า 8000 ปีแล้ว โดยใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตเชือกและตระกร้าสานเพื่อให้มีความแข็งแรง และมีการใช้งานภายในครัวเรือนทั่วไป กาวชนิดนี้เมื่อแห้งแล้วสามารถทำให้อ่อนนิ่มได้อีกโดยการให้ความร้อน เพราะกาวจากสิ่งมีชีวิตเป็น Thermoplastic ชนิดหนึ่งจึงมีการใช้งานได้หลากหลายโดยเฉพาะการผลิกเครื่องดนตรีเช่น ไวโอลีน กีตาร์ แม้กระทั่งเมื่อมนุษย์สามารถผลิตพลาสติกสังเคราะห์ได้แล้ว แต่ก็ยังมีการใช้งานกาวเจลาตินอยู่ทั่วไป

          บทบาทคอลลาเจนในวงการแพทย์

          คอลลาเจนมีการใช้งานอย่างกว้างขวางในวงการศัลยกรรมความงาม ศัลยกรรมกระดูก การจัดฟัน และวงการศัลยกรรมทั่วไป เป็นส่วนประกอบของผิวหนังสังเคราะห์ที่ใช้ในผู้ป่วยที่สูญเสียผิวหนังเนื่อง จากอุบัติเหตุไฟไหม้ ซึ่งใช้คอลลาเจนสังเคระห์จากผิวหนังของลูกวัว(Bovine), หรือจากหมู (Equine, Porcine) บางครั้งจะใช้ผิวหนังจากผู้บริจาค หรือใส้ซิลิโคนสังเคราะห์แทน

          คอลลาเจนได้มีการจำหน่ายในลักษณะของ ผลิตภัณฑ์ที่เป็นส่วนช่วยเคลื่อนไหว เนื่องจากคอลลาเจนเมื่อรับประทานเข้าไปจะย่อยสลายเป็นโปรตีนและกรดอะมิโนใน ที่สุด จึงช่วยในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอโดนวิธีรับประทานได้น้อยมาก ดังนั้น วงการแพทย์ในปัจจุบันจึงมีการใช้คอลลาเจนในแง่ของศัลยกรรมความงามมากที่สุด

วิธีที่จะเพิ่ม คอลลาเจนนั้น ทำได้หลายวิธี

การฉีดคอลลาเจนโดยตรง จากแพทย์
รับประทานอาหารที่ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ได้แก่ เบต้าแคโรทีน, วิตามินซี, วิตามินอี

ขอบคุณที่มา : wikipedia.org


ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตำนานสปาของชาวโรมัน

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

ตำนานสปาของชาวโรมัน
การ "อาบนํ้า" กิริยาอาการของ การชำระร่างกาย ให้เกิดความสะอาด เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ทั่วโลกมานานนักหนา เรื่องของการอาบนํ้าในทรรศนะของคนไทย ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ความที่เราเป็นเมืองร้อน แต่โชคดีที่มีแม่นํ้าลำคลองมากมาย นึกอยากอาบนํ้าก็วิ่งลงลำธาร หรือแม่นํ้า กันจนเคยชิน การอาบนํ้าของคนไทย จึงดูเป็นเรื่องเล็ก และเราเองก็ไม่ เห็นว่าสำคัญจนน่าเอามาพูดถึงตรงไหน

อันนี้ต่างจากผู้คนอีกซีกโลกโดยสิ้นเชิงเลย การอาบนํ้าของผู้คนในแถบยุโรป ดูจะเป็นเรื่องใหญ่ ก็เนื่องจากภูมิอากาศที่หนาวเย็นของเขา และยิ่งถ้าดูลึกเข้าไปถึง ตั้งแต่สมัยโบราณมาแล้ว คนที่ยกย่องเชิดชูการอาบนํ้าและวิธีการอาบจนเป็นเรื่องใหญ่ ของชีวิต น่าจะมีอยู่สองแหล่ง ที่แรกก็คือการอาบนํ้าของพวกตุรกี ที่เราเรียกว่า เตอร์กิช บาร์ธ หรือต้นแบบการอาบ อบ นวด ในเมืองเราทุกวันนี้ กับอีกที่ก็คือ การอาบนํ้า และวิธีการอาบนํ้า ของชาวโรมัน หรือ "สปา" ที่พวกเรารู้จักนั้นเอง

ชีวิตที่ติดกับความหรูหราของชาวโรมัน ทำให้สถานที่อาบนํ้าของชาวโรมค่อยๆ ขยายตัว จากความธรรมดาสู่ความหรูหรายิ่งขึ้นตามสไตล์ สถานที่อาบนํ้าสาธารณะแบบที่ดีที่สุดเรียกว่า เธอเม่-thermae ซึ่งมีทั้ง ห้องร้อน-laconicum ห้องอาบนํ้าร้อน-caldarium ห้องเย็น-tepidarium ห้องอาบนํ้าเย็น-frigidarium ครบครัน

เวลาคนโรมันจะอาบนํ้า พวกเขามักเริ่มต้นด้วยการเล่นเกมบอลเพื่อออกกำลังกาย ในห้องบันเทิงพิเศษให้เหงื่อออกเสียก่อน จากนั้นก็เข้าไปไล่เหงื่อให้ออกมากขึ้นในห้องร้อน แล้วก็ล้างผิวด้วยนํ้ามัน จากนั้นก็เดินไปอาบนํ้าด้วยนํ้าร้อนในห้องอาบนํ้าร้อน เดินต่อไปในห้องเย็น ปล่อยให้ตัวเย็น ก่อนจะต่อด้วยการลงแช่นํ้าเย็นในอีกห้องหนึ่ง เป็นอันครบเครื่อง มองดูแล้วคล้ายกับผสมผสานยิมเนเซียม เตอร์กิช บาร์ธ เซาน่า และสระว่ายนํ้าสาธารณะเข้าไว้ในที่เดียวกัน

ไปๆ มาๆ เธอเม่ ของโรม ก็กลายเป็นสิ่งสำคัญพอๆ กับศูนย์การค้าของบ้านเราเดี๋ยวนี้ รัฐของโรมและคนร่ำรวยทั้งหลายนิยม ที่จะสร้างเอาไว้บริการคนแทบทุกมุมเมือง ทั้งในโรมและเมืองเล็ก เมืองน้อย ที่เป็นบริวาร ยิ่งกว่านั้น เธอเม่ เป็นที่นิยมทั้งคนร่ำรวย ที่มีปัญญาสร้าง ห้องนํ้า ไว้ใช้เอง (ห้องอาบนํ้าส่วนตัว balneum คล้ายกับ สระนํ้าที่มีขนาดเล็กกว่า ห้องนํ้าอย่างที่เรา คุ้นเคยเป็นปกติ) และคนยากจน เพราะความเป็นศูนย์รวม ไม่ว่าจะยากดีมีจนปานไหน ก็สามารถใช้บริการที่นี่ได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ เพื่อจะได้เห็น และเป็นเป้าให้ได้เห็น ทุกคนต้องการพบปะพักผ่อน และรับความบันเทิง กันทั้งนั้น

เธอเม่ ที่ว่า ปกติจะสร้างหรูหราพอๆ กับพระราชวังเลยล่ะ มีทั้งเสาหินอ่อน เพดานโค้ง พื้นประดับหินโมเสกอย่างหรู ติดตั้งทั้งนํ้าพุและรูปปั้น ว่ากันว่า เธอเม่ ที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งคือ คาราคัลลาในโรม กินเนื้อที่ถึง 28 เอเคอร์ และสามารถรองรับ คนที่มาใช้ บริการในคราวเดียวกันถึง 1,500 คน แต่ใหญ่ ขนาดนั้นแล้ว ก็ยังสู้เธอเม่ของจักรพรรดิ ไดโอคลิเชี่ยน ซึ่งอยู่ในศูนย์กลางของโรมไม่ได้!

แต่ก็มีคนโรมอีกบางส่วนไม่ ค่อยชอบใจ พวกเขาเห็นว่า การอาบน้ำเห็นจะเป็นการชักนำ เข้าไปสู่ความเสื่อมเสีย มากกว่า จะได้รับความชื่นใจในการอาบน้ำแต่เพียงอย่างเดียว การอาบน้ำแบบ รวมกันผู้หญิงผู้ชาย เป็นเหตุให้มีโสเภณี เข้ามาแฝงตัวขายสินค้าคู่โลก สถานอาบน้ำบางแห่ง ก็มีภาพรวมดีกว่าซ่องหน่อยเดียว บางแห่งความแน่นของผู้หญิงผู้ชาย ที่เข้ามาเปลือยกายรวมกันอยู่ในห้องอบความร้อน ทำให้เกิดปัญหาการมีชู้ และการเปลี่ยนคู่นอน ขัดกับศีลธรรม ในสังคมโรมอันที่เขียนเป็นหนังสือไว้อย่างจัง

ความมึนเมาก็เป็น อีกปัญหาที่ตามมาจากการใช้ เธอเม่ อันที่จริงอันนี้ก็น่าเห็นใจ เนื่องจากความร้อนในห้องอบ กับความร้อนจากการออกกำลัง ทำให้คนกระหายง่าย และชาวโรมก็หนีไม่พ้นการระงับอาการคอแห้งด้วยไวน์สักเหยือก ดับร้อนไปมา ในที่สุดก็เมา ผลสุดท้ายพาไปสู่การทะเลาะทุ่มเถียงการล่อลวงและฉกชิงทรัพย์สิน

ไหนจะปัญหาคนเมา ปัญหาระหว่างหญิงชาย ปัญหาพวกเสียงดัง โดยเฉพาะที่น่าหมั่นไส้มากที่สุดเห็นจะเป็นพวกเศรษฐีชอบอวดรวย มาอาบน้ำทีต้องเอาทาสมาคอยรับเสื้อผ้า ราคาแพงระยับ มีทาสมาคอยนวดน้ำมันเพื่อจะเอาที่ขัดขี้ไคล (strigil) ทำด้วยโลหะมีค่าออกมาอวด ดูแล้วเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับการอาบน้ำ ซึ่งมีจุดประสงค์ เดิมคือ การรักษาร่างกายให้สะอาดเอาเลย ชาวโรมส่วนนี้จึงอ้างว่า การอาบน้ำสาธารณะน่าจะพาคนโรมให้ออกห่างจากวิถีชีวิตที่ดีงามเสียแล้ว

อย่างไรก็ตาม เราได้แต่นึกถึงความรุ่งเรืองของโรมในอดีต ท่ามกลางซาก ปรักหักพัง ซึ่งครั้งหนึ่งกลาย เป็นสถานที่หรูหรารุ่งเรือง ซากอดีตพวกนี้บอกเราได้ดีว่า พวกเขาเจริญทางวัตถุกันมากเพียงใด ที่อาบน้ำสาธารณะนับเป็นงานชิ้นเอก อย่างหนึ่งของชาวโรมัน ไม่ว่าความสวยงามในการก่อสร้าง ความสำเร็จด้านวิศวกรรม คนโรมันรักการอาบน้ำ ยอมรับมันเป็นส่วนสำคัญของชีวิต ขนาดที่มีคำกล่าวไว้ว่า



ขอบคุณที่มา : kobnin-bloggang.com

ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แคปซูลยาทำจากอะไร?

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

แคปซูลยาทำจากอะไร?

แคปซูลยาผลิตจากเจลาติน ซึ่งส่วนใหญ่ได้มาจากการแปรรูปคลอลาเจนที่มีอยู่ในผิวหนังและกระดูกสัตว์ อย่างไขกระดูกวัว และหนังหมู 

แคปซูลยาทำหน้าที่เป็นภาชนะบรรจุยาและนำส่งยาไปดูดซึมที่ลำใส้เล็ก แบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ชนิดแข็งและชนิดนิ่ม แคปซูลชนิดแข็งมีสองส่วน คือ ตัวแคปซูลและฝาปิด เมื่อบรรจุยาแล้วจะนำตัวแคปซูลและฝามาเชื่อมต่อกันมีรูปแบบสวยงาม พกพาสะดวก กลบรสของยาได้ดี เหมาะสำหรับยาที่ต้องการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะอย่างยาปฏิชีวนะ

ส่วนแคปซูลชนิดนิ่ม จะผลิตเปลือกแคปซูลและบรรจุยาไปพร้อมกัน เหมาะกับยาที่ไวต่ออากาศและแสงมาก อย่างน้ำมันตับปลาและวิตามินชนิดต่าง ๆ

แคปซูลยาจากเจลาตินยังมีข้อจำกัดในการเก็บรักษา ดังนั้น จึงมีคนคิดค้นแคปซูลยาที่ผลิตจากแป้งข้าวบริสุทธิ์มาเพื่อใช้ทดแทน



ที่มาจาก : Mcot.net

แนะนำ >> คังเซน โปรจีน
ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

ผิวสดใสในวัยผู้ใหญ่

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

ผิวสดใสในวัยผู้ใหญ่
          เป็นเรื่องตลกร้ายที่ว่าสตรีในวัยทำงานมากกว่าครึ่งหนึ่ง ต้องต่อสู้กับปัญหาของผิวหน้าที่เป็นสิว รวมไปถึงต่อสู้กับรอยตีนกาไปพร้อม ๆ กัน ผู้ต้องหาหนึ่งในนั้นก็คือฮอร์โมน ซึ่งมีปริมาณลดลงในผู้หญิง ไม่ได้มีสม่ำเสมอเหมือนในผู้ชาย แพทย์หญิง โจเน็ธ อี เครี่, M.D.,Ph.D. ผู้ช่วยศาสตราจารย์โรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งเมืองไมอามี่ กล่าวว่า "เมื่อระดับเอสโตรเจนแกว่งขึ้นแกว่งลง-หรือในกรณีหมดรอบเดือน-คือการมีแอนโดนเจน ซึ่งคอยกระตุ้นต่อมน้ำมันน้อยลง ทำให้ผิวแตก"

          ผู้ต้องหาอีกอย่างหนึ่งก็คือความเครียด ซึ่งไปทำให้ระดับฮอร์โมนสูงขึ้น ซึ่งอย่างหนึ่งที่คุณต้องการคือไม่มีความเครียดเพื่อที่จะควบคุมสภาพผิวหนังให้ได้ มีการรักษาใหม่ ๆ ที่ช่วยให้ผิวสวยขึ้นอย่างง่าย ๆ แล้วยังช่วยลดสัญญาณของความแก่ให้ด้วย


          กำจัดริ้วรอยด้วยตนเอง

          การดูแลให้เป็นกิจวัตรนี้ช่วยต่อสู้กับสิว ซึ่งเกิดจากรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันและเศษเซลผิวหนัง และการอักเสบที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย P.Acnes แต่ที่ไม่เหมือนกับการรักษาด้วยการใช้ยาเฉพาะที่แบบที่วัยรุ่นทำกัน ซึ่งผลิตขึ้นมาสำหรับผิวที่มันกว่า เราควรใช้สูตรสำหรับผิวที่โตเต็มวัยที่มักจะแห้งและมีรอยย่นเห็นได้ชัดกว่า การดูแลจะต้องคำนึงถึงทั้งเรื่องของสิวและผิวที่แก่ด้วย โดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ

        ซาลิซีลิค แอซิด ช่วยเปิดรูขุมขนและทำให้ผิวเรียบโดยกำจัดเซลที่ตายออกไป

        เรตินอยด์ มีคุณสมบัติเหมือนเรตินอล เป็นอนุพันธ์ของไวตามิน เอ ที่ช่วยรักษาสิว, ริ้วรอยเล็ก ๆ , และจุดที่เกิดจากแสงแดด และช่วยให้การผลัดผิวเป็นไปตามปกติ

        Humectant (สารให้ความชื้น) ช่วยจับความชื้น และต่อต้านการอักเสบ เช่นชาเขียว และ allantoin ที่ช่วยการอักเสบ



          ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ เพื่อจัดการกับริ้วรอยที่มีอยู่และป้องกันไม่ให้ของใหม่เกิดขึ้น


          ตอนเช้า :

        ทำความสะอาดอย่างอ่อนโยน ให้ล้างหน้าด้วยซาลิซีลิค แอซิด แพทย์หญิงไดแอน เบอร์สัน, M.D. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาโรคผิวหนัง จากวิทยาลัยแพทย์ Well Medical College ที่มหาวิทยาลัยคอร์เนล และเป็นกรรมการของสมาคม American Acne and Rosacea Society กล่าวว่า "ซาลิซีลิค แอซิดจะเข้าไปในรูขุมขนและทำให้เศษของสิ่งต่าง ๆ หลุดออกมา" นอกจากนี้ เคริ ยังแนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เป็นเจล (เพราะอาจมีแอลกอฮอล์เจือปน) และยาขัดผิวที่ใช้ผงขัด ซึ่งจะไปขัดเอาผิวและน้ำมันออก ทำให้ผิวต้องออกแรงชดเชยด้วยการสร้างเซลใหม่มากเกินกำลัง

        รักษาบริเวณที่มีปัญหา หากผิวมีสิวอยู่ก่อนแล้ว ให้แต้มยาขจัดริ้วรอยที่มีซาลิซีลิคแอซิด หรือเบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ (benzoyl peroxide) เป็นการฆ่าแบคทีเรียที่ผิวและทำให้แห้ง หากคุณมีแนวโน้มที่จะมีสิวในบางบริเวณ (เช่นที่คาง) ให้ทาทั่วบริเวณนั้นทุกวัน เพื่อเป็นการป้องกัน

        หากผิวแห้ง ให้ใช้มอยสเจอไรเซอร์ที่มีค่า SPF 15 หรือสูงกว่านั้น ให้เลือกชนิดที่อัลฟ่าไฮดร็อกซี่ แอซิด (หรือ AHA) อย่างเช่นกลัยโคลิค แอซิด (glycolic acid) เพื่อให้ได้ผลสองต่อ : คือ AHA จะช่วยลอกรูขุมขนในขณะที่เอาเซลที่ตายออกไป แล้วยังทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วย หากเป็นคนผิวมัน ให้ใช้ยาทากันแดดที่ปราศจากน้ำมัน (oil free) เนื่องจากรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตทำให้ผิวด้านนอกหนาขึ้น มันจะไปอุดรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้


         ตอนกลางคืน :

        ล้างเครื่องสำอางออกด้วยยาล้างที่อ่อนโยน เนื่องจากผิวหน้าจะผลัดผิวหนังได้ดีหากผิวสะอาด

        ทาครีมเรตินอล ครีม Retin-A เป็นครีมที่ต้องให้แพทย์สั่ง ได้รับการรับรองว่าสามารถรักษาสิวได้เป็นเวลานานมาแล้วก่อนที่จะกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการต่อสู้กับรอยเหี่ยวย่น เครี่กล่าวว่า "เรตินอยด์ช่วยขจัดและสิวหัวดำไปจนถึงสิวอักเสบ รวมไปถึงสิวตุ่มแดง ๆ ที่อยู่ตามแนวกราม" ส่วนเรตินอลชนิดที่สามารถซื้อได้เองโดยไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์นั้น จะใช้ได้ผลไม่มากเท่าแบบแรก แต่ระคายเคืองน้อยกว่าและเข้ากับผิวได้ดีกว่า

        ใช้มอยสเจอไรเซอร์ตามความจำเป็น ทาโลชั่นบนใบหน้าบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง


          แพทย์ช่วยอะไรได้บ้าง

          หากผิวของคุณไม่ตอบสนองต่อการทรีตเมนท์ ที่ทำเองที่บ้านภายในสองหรือสามสัปดาห์ หรือผิวเป็นตุ่ม ๆ ขึ้นมา (เช่นมีตุ่มคล้ายซิสท์ที่ใหญ่ เจ็บ แล้วอาจเป็นแผลเป็นได้) ให้ไปพบแพทย์ผิวหนัง แพทย์อาจใช้เรตินอลที่แรงขึ้นรวมทั้งครีมฆ่าเชื้ออย่างเช่นบนซอยล์ เปอร์ออกไซด์ เพื่อฆ่าแบคทีเรียและรักษาอักเสบ โบนัสที่ได้ก็คือ ยาที่แพทย์สั่งให้ใหม่นี้จะเหมาะกับผิวที่มีอายุและผิวแห้งกว่า เบอร์สัน กล่าวว่า "หากในสองสามเดือนยังไม่มีอะไรดีขึ้น แพทย์ก็สามารถเพิ่มเติมยาให้อีกได้" ซึ่งนอกเหนือจากนี้ก็ยังมีอาวุธอื่นที่จะต่อสู้กับสิว ได้แก่

        ยาปฏิชีวนะชนิดรับประทาน คอร์สการใช้ยายาวนานระหว่าง 2 ถึง 6 เดือน ช่วยเร่งการรักษาโดยมุ่งไปยังรอยที่ลึก ๆ ยาเหล่านี้ จะไปตามกระแสโลหิต ดังนั้นมันจึงช่วยต่อสู้กับสิวที่เกิดบนแผนหลังและหน้าอกที่ยาเข้าถึงได้ยากด้วย

        ฮอร์โมนบำบัด เพื่อให้ระดับฮอร์โมนคงที่และลดอาการร้อนวูบวาบในวัยก่อนหมดรอบเดือน ผู้ป่วยมักได้รับยาคุมกำเนิดปริมาณต่ำ แต่ก็มีข้อโต้แย้งอยู่ นั่นคือ สตรีที่อายุเกิน 40 ไปแล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงแบบเดียวกับที่เกิดจากการใช้ฮอร์โมนบำบัดในการรักษาอาการของการหมดรอบเดือน ซึ่งรวมไปถึงเส้นเลือดอุดตัน การให้ฮอร์โมนแบบนี้มักให้ร่วมไปกับการใช้ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน หรือบางทีก็อาจให้แต่ฮอร์โมนอย่างเดียว เช่น spironolactone ซึ่งเป็นฮอร์โมนต้านแอนโดรเจน มีผลในการลดการผลิตน้ำมันลง

        การบำบัดด้วยแสง การบำบัดแบบนี้ทำร่วมกับการบำบัดอื่น ๆ เพื่อเพิ่มผลที่ได้ แสงสีฟ้าจะช่วยฆ่าเชื้อ P.Acnes ได้ชั่วคราวโดยการฉายนาน 15 นาที โดยปราศจากความเจ็บอย่างไรก็ตาม แบคทีเรียก็สามารถกลับมาได้อีก ดังนั้นจึงต้องทำต่อไปเรื่อย ๆ ซึ่งต้องใช้เงินราว 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ แล้วยังมีการรักษาแบบใหม่เพื่อดูดรูขุมขนขจัดเอาซีบัมส่วนเกินออกพร้อมกับใช้แสงเลเซอร์ฆ่าแบคทีเรียเรียกว่า lsolaz Pore-Cleansing Acne Treatment โดยทำสามถึงหกครั้ง ด้วยงบประมาณระหว่าง 300 ถึง 500 ดอลลาร์ ทั้งสองอย่างที่กล่าวมาต้องทำการติดตามผลทุกเดือน


แนะนำ >> คังเซน โปรจีน
ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม
http://www.kangzenofcr.com/14845008/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99-%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-kangzen-progene

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

คังเซน เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ “Senses of Kangzen”สุดอลังการ

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

คังเซน เปิดตัว 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่ “Senses of Kangzen”สุดอลังการ

คังเซน เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างอลังการ ด้วย 5 รายการผลิตภัณฑ์ใหม่ แนว Well-Being ทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเครื่องใช้ในครัวเรือน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Senses of Kangzen สัมผัสแห่งสุขภาพและความงาม” พร้อมดึง บุ๋ม-พรรณประภา ยงค์ตระกูล พรีเซ็นเตอร์สาวสวย ดีกรีนางสาวไทย ร่วมแชร์เคล็ดลับความงามให้ผิวขาว สวย ใส อย่างเป็นธรรมชาติ ณ ศูนย์การค้าเดอะมอลล์ บางแค เมื่อเร็วๆ นี้

นายอิทธิศักดิ์ อำพันยุทธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจขายตรงหลายชั้น (MLM) ชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “คังเซน” กล่าวในงานอีเว้นท์เปิดตัวผลิตภัณฑ์น้องใหม่ว่า “คังเซน ยังคงเดินหน้ามุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและผลิตภัณฑ์คุณภาพเพื่อนำเสนอแก่ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้สมาชิกของเรามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น พร้อมก้าวสู่อนาคตข้างหน้าต่อไปอย่างมั่นคง โดยล่าสุด คังเซนได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่แห่งความภาคภูมิใจจาก 3 กลุ่ม ทั้งผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ และเครื่องใช้ในครัวเรือน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ด้านสุขภาพและความงามของทั้งคุณสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี ได้แก่

1. มาส์กบำรุงผิว Kristine Ko-Kool Hyalos Blue Crystal Sleeping Mask เจลมาส์กบำรุงผิวหน้าสูตรเข้มข้นที่ถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับทุกสภาพผิว ผลิตจากสารสกัดด้วยเทคโนโลยีนาโน 5 ชนิด เพื่อการดูแลผิวอย่างล้ำลึก เพื่อเช้าวันใหม่ที่ตื่นมาพร้อมกับผิวที่ขาวใส เนียนนุ่ม ชุ่มชื่น เต่งตึง และกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ มาส์กแล้วนอนตื่นมาล้างหน้าปกติ แล้วคุณจะพบว่าผิวแลดูตึงกระชับ สดใส ขึ้น

2. Natesh Sanitary Pads Set ผลิตภัณฑ์ผ้าอนามัย นาเทสช์ แซนนิเทอรี่ แพดส์ เซ็ท ประกอบด้วย นาเทสช์ แซนนิเทอรี่ แพดส์ เดย์ (สำหรับกลางวัน), นาเทสช์ แซนนิเทอรี่ แพดส์ โอเวอร์ไนท์ (สำหรับกลางคืน) และผลิตภัณฑ์แผ่นนาเทสช์ แซนนิเทอรี่ แพนทีไลเนอร์ (แผ่นอนามัยระหว่างวัน) ทำให้มั่นใจกับทุกช่วงเวลา ในวันนั้นของเดือน จากส่วนประกอบหลักที่มีประสิทธิภาพการซึมซับสูง ทำให้รู้สึกแห้งสบาย เย็นสดชื่น ไม่อับชื้น ผลิตจากธรรมชาติ 100% ปราศจากสารเคมี

3. กาแฟ Healthi-Zen Coffee Collagen Plus ผลิตภัณฑ์กาแฟ นวัตกรรมต่อยอดจากยัวร์สลิมคอฟฟี่ ผสานคอลลาเจนเปปไทด์จากประเทศเกาหลี มากกว่า 16,000 มก. เป็นกาแฟสำหรับคนรักสุขภาพและต้องการบำรุงผิวพรรณ รสชาติที่อร่อยลงตัว

4. อาหารเสริม KK CAPSULE ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพสำหรับสุภาพบุรุษ โดยมีถั่งเฉ้าจากทิเบตเป็นส่วนประกอบหลัก เพื่อคุณผู้ชายโดยเฉพาะ

5. Kangzen Alkali Filter เสริมแร่ธาตุ สร้างภูมิคุ้มกัน เพิ่มระดับออกซิเจน ปรับสมดุลภายในร่างกาย ด้วยไส้กรอง Alkali Filter”

งานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คังเซน จัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ “Senses of Kangzen สัมผัสแห่งสุขภาพและความงาม” เริ่มด้วยพิธีเปิดแบบสุดอลังการ ตามด้วยแฟชั่นโชว์ชุดพิเศษ นำทีมโดยสาวสวย สุดเซ็กซี่ ปุ้ย-อารยา เพ็ชรศิริ Miss Maxim Thailand 2014 ที่มาพร้อมเหล่าบรรดานางแบบและนายแบบ บุ๋ม-พรรณประภา ยงค์ตระกูล พรีเซ็นเตอร์สาวสวย ผลิตภัณฑ์ เพิร์ล นอริช ครีม (Pearl Nourish Cream) จากคังเซน โดยบุ๋ม ได้แชร์เคล็ดลับการมีสุขภาพผิวที่ดี ขาว สวย ใส อย่างเป็นธรรมชาติ ว่า “บุ๋มมีเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลสุขภาพผิวโดยเริ่มจากการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะผักและผลไม้ รวมถึงการรับประทานวิตามินเพื่อเสริมสุขภาพ และที่สำคัญคือการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ดี มีประสิทธิภาพ อย่าง คังเซน – เคนโก ซึ่งบุ๋มใช้มาตลอดทำให้ผิวขาว ใส เป็นธรรมชาติมากๆ ค่ะ”  ด้านหนุ่มหล่อ สุขภาพดีอย่าง ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุท ที่มาร่วมโชว์ลูกคอภายในงาน เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับได้อย่างล้นหลาม บอกถึงเคล็ดลับง่ายๆ ในการดูแลตัวเอง ให้สดชื่น สดใส และฟิต แอนด์ เฟิร์ม ว่า “ไลฟ์สไตล์ของผมทำงานค่อนข้างหนักมีเวลาพักผ่อนน้อย สำหรับเคล็ดลับส่วนตัวในการดูแลสุขภาพ คือ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ดื่มน้ำที่สะอาด หรือน้ำเปล่า โดยเฉพาะน้ำแร่ ทำให้ร่างกายสดชื่นตลอดทั้งวันครับ”

บริษัท คังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ยังได้จัดกิจกรรมเพื่อสมาชิกและผู้บริโภคโดยเฉพาะกับบูธให้ความรู้และแนะนำผลิตภัณฑ์เพื่อให้ได้ทำความรู้จักกับผลิตภัณฑ์แต่ละหมวดหมู่อย่างเจาะลึก พร้อมพบผลิตภัณฑ์คุณภาพจากคังเซน-เคนโก ในราคาพิเศษ สำหรับใครที่สนใจอยากจะใช้สินค้าคังเซนเคนโกหรือต้องการทดลองสินค้า ก็สามารถติดต่อตัวเแทนจำหน่ายคังเซนได้เลย

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

ปัญหาผิว ที่สาวเอเชียควรรู้ (Health plus )

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

ปัญหาผิว ที่สาวเอเชียควรรู้ (Health plus )

          เมื่อหน้าร้อนมาเยือน สิ่งที่ทำเอาสาวเอาท์ดอร์ต้องกุมขมับ คงไม่พ้นเรื่องแสงแดด ที่ทำให้ผิวหมองคล้ำสีผิวที่เข้มขึ้น แต่เคยสังเกตความผิดปกติอีกอย่างหรือเปล่า เมื่อสีผิวเกิดเข้มขึ้นเฉพาะจุด หรือในวงการแพทย์เรียกว่า Hyperpigmentation ฟังดูอาจจะไม่คุ้นหู แต่สาวเอเชียอย่างเรา ๆ ควรทราบไว้ เพราะมีผิวที่ไวต่อแสงแดด ดร.แดเนียล ยาโรช Senior Vice President, Basic Science Research จากเอสเตลอเดอร์ จะไขความกระจ่างให้กับคุณ

 Hyperpigmentation คืออะไร

          Hyperpigmentation คือ การเพิ่มของการผลิตเม็ดสีในเฉพาะจุด โดยทั่วไปแล้วมีมากมายหลายสีด้วยกัน โดยสีผิวเข้มขึ้นที่ว่านี้ไม่ได้เจาะจงไปถึงสีใดสีหนึ่ง แต่หมายความถึงการที่มีสีผิวที่เข้มกว่าสีผิวปกติ ซึ่งมีสาเหตุมาจากรังสียูวีเอ/ยูวีบี ร่องรอยการเกิดสิว จุดด่างดำที่เกิดมื่ออายุเพิ่มขึ้น (age spots) และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

 จุดด่างดำมีชนิดใดบ้าง และเกิดจากสาเหตุเดียวกันหรือไม่

          จุดด่างดำมีหลายชนิด โดยมี “เม็ดสี” คือ ตัวทำหน้าที่ของสีที่เห็นบนผิวของเรา รวมถึงรอยคล้ำและจุดด่างดำต่างๆ ซึ่งก็เกิดจากสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป

 ผิวสีเข้มขึ้นจากรังสียูวี (รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่า จุดด่างดำที่เกิดมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือ age spots)

          เมื่อกระบวนการของเซลล์ผิวถูกกระตุ้นจากรังสียูวีจะทำให้เมลาโนไซต์ ทำงานมากเกินไปและไปกระตุ้นเอนไซม์ไทไรซีเนส ซึ่งทำให้มีการผลิตเม็ดสีเข้มมากเกินไป เป็นผลให้เกิดจุดด่างดำต่างๆ ขึ้น

 ผิวสีเข้มขึ้นจากแผลเป็น การติดเชื้อ หรือการระคายเคือง

          การระคายเคืองต่างๆ สามารถก่อให้เกิดจุดด่างดำได้ เช่น รอยถูจากการทำความสะอาดหน้าที่รุนแรงเกินไป รอยขีดข่วน บาดแผล การแพ้ การติดเชื้อ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิวฝ้า นอกจากนั้นแล้วกรรมวิธีในการรักษาผิวหน้าด้วยเลเซอร์ ก็สามารถก่อให้เกิดสีผิวเข้มขึ้นได้เช่นกัน

 ฝ้า (Melasma หรือ Chioasma)

          เกิดขึ้นเหนือริมฝีปาก โหนกแก้ม และคางในผู้หญิงวัย 20 ปีขึ้นไป โดยความเข้าใจทั่วไปแล้ว สิ่งนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน และการถูกรังสียูวี ฝ้า (Melasma หรือ Chloasma) อาจเกิดขึ้นเมื่อมีการตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด หรือยาชนิดอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมน ซึ่งฝ้าที่เกิดจากกรณีหลังนี้จะค่อย ๆ หายไปเองเมื่อคลอดบุตรหรือหยุดใช้ยาดังกล่าว

 กระที่เกิดจากกรรมพันธุ์

          จุดเล็ก ๆ เหล่านี้จะติดตัวมาแต่กำเนิด สามารถมองเห็นได้เมื่ออายุ 3 ปี จะเด่นชัดยิ่งขึ้นเมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ และจะคงสภาพหรืออาจจางลงเล็กน้อยเมื่ออายุ 30 ปีขึ้นไป ซึ่งยังพิสูจน์ไม่ได้ชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์กับรังสียูวีหรือไม่ แต่ผู้ที่มีผิวขาว ผมแดง ผมทอง และตาสีฟ้านั้นมีแนวโน้มที่จะมีกระชนิดนี้มากกว่าผู้ที่มีผิว ผม และตาสีอื่น ๆ

 อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเม็ดสี และการทำงานของมัน

          เม็ดสี คือ ผิวสีคล้ำที่ถูกสร้างขึ้น เมื่อผิวได้รับการกระตุ้นจากสิ่งเร้าทางธรรมชาติ คือ รังสียูวี การติดเชื้อ การแพ้ และบาดแผลต่าง ๆ เม็ดสีถกสร้างขึ้นจากเซลล์ เซลล์สร้างเม็ดสีที่เรียกว่า เมลาโนไซต์ (melanocytes) ซึ่งมีลักษณะเหมือนปลาหมึกยักษ์ที่มีแขนเล็ก ๆ มากมายสามารถยื่นไปสัมผัสกับเซลล์หนังกำพร้าที่ชื่อว่า คีราติ โนไซต์ เพื่อทำการแจกจ่ายเม็ดสี เมื่อผิวถูกทำลายระบบป้องกันผิวก็จะทำงาน โดยการส่งสัญญาณไปยังเมลาโนไซต์ให้เริ่มกระบวนการปกป้องกันผิว ส่งผลให้เมลาโนไซต์ปล่อยเม็ดสีโดยไปเปิดหัวนิวเคลียสของเซลล์ผิวออก ถ้าเม็ดสีถูกผลิตแบบไม่สม่ำเสมออย่างต่อเนื่อง จุดด่างดำและความไม่สม่ำเสมอของสีผิวก็จะปรากฏให้เห็น


          เราสามารถควบคุม หรือกำจัดปัญหาเกี่ยวกับความเข้มขึ้นหรือจางลงของสีผิวได้หรือไม่

          เราสามารถรักษาจุดด่างดำที่เกิดจากฝ้า (Melasma Chiorasma) การมีสีผิวเข้มขึ้นเนื่องจากรังสียูวี ร่องรอยแผลเป็น การแพ้ การติดเชื้อ หรือการระคายเคืองเฉพาะจุดต่าง ๆ ได้ แต่เราไม่สามารถรักษาจุดด่างดำ หรือกระทำเกิดจากกรรมพันธุ์ได้

 ใครมีแนวโน้มที่จะเกิดสีผิวที่ผิดปกติ

          สีผิวที่มีเม็ดสีมากกว่า หรือสามารถตอบสนองต่อแสงแดดได้ไวกว่าตั้งแต่กำเนิดนั้น มีความเสี่ยงในการเกิดการเปลี่ยนสีผิวมากกว่า แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหานี้เกิดได้กับทุกคน ชนิดของสีผิวที่ผิดปกติขึ้นอยู่กับโทนผิวตามธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผิวของคุณมีเม็ดสีมากกว่า คุณก็อาจมีแนวโน้มในการเกิดจุดด่างดำ จากการระคายเคืองหรือร่องรอยจากสิวได้มากกว่า แต่ถ้าคุณมีสีผิวที่อ่อนกว่า คุณก็อาจมีแนวโน้มในการเกิดจุดด่างดำจากแสงแดดได้มากกว่าเช่นกัน

 ผิวของคนเอเชียไวต่อการเกิดสีผิวเข้มขึ้นหรือไม่

          แน่นอนว่า ผิวของคนเอเชียนั้นไวต่อแสงแดด และเกิดจุดด่างดำได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่น ๆ เพราะมีกระบวนการตอบโต้แสงแดดได้ไวกว่า เมื่อเกิดความเสียหายข้นกับผิวของคนเอเชียแล้ว กระบวนการผิวจะส่งสัญญาณไปยังระบบของเซลล์ทั้งหมด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสร้างและจกจ่ายเม็ดสีได้ง่ายกว่า นอกจากนี้แล้วเรายังเชื่อว่ายีนก็เป็นตัวการหนึ่ง ที่ทำให้ผิวของคนเอเชียไวต่อการเกิดสีผิวเข้มขึ้น

 สีผิวเข้มขึ้นมีผลอย่างไรกับผู้หญิงที่เชื้อชาติต่างกัน

          สำหรับผู้หญิงฝรั่งขาว หรือคอเคเซียนจะมีสีผิวเข้มขึ้นในบริเวณที่ถูกแสงแดด ในรูปแบบของจุดด่างดำที่เกิดเมื่ออายุมากขึ้น และจะตามมาด้วยรอยเหี่ยวย่น สำหรับผู้หญิงแอฟริกัน อเมริกัน จะเกิดสีผิวเข้มขึ้นจากรอยแผลเป็นจากสิว สำหรับผู้หญิงเอเชียก็จะเกิดจุดด่างดำขึ้นเร็วกว่าผู้หญิงฝรั่งขาวหรือคอเคเซียน แต่ไม่ปรากฏรอยเหี่ยวย่นในภายหลัง และสำหรับผู้หญิงฮิสแปนิคนั้นจะมีการเกาะตัวของเม็ดสีในแบบที่เรียกว่า “มันชา”

กับสาวๆ ที่ชอบอาบแดดล่ะมีความเสี่ยงแค่ไหน

          Hyperpigmentation เกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่การถูกแสงแดดถือเป็นตัวการสำคัญที่สุด ทั้งชาย และหญิงที่เคยอาบแดดเป็นเวลานาน จะเริ่มเห็นผลความเสียหายจากรังสียูวีเมื่ออายุมากขึ้น และเริ่มหาวิธีในการแก้ปัญหาเหล่านั้น บวกกับในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน การมีผิวที่สว่างกระจ่างใส กำลังเป็นที่นิยมและจุดด่างดำต่างๆ ก็สามารถมองเห็นได้ชัดในสีผิวแบบนี้
อะไรคือหนทางในการรักษา Hyperpigmentation แบบเฉพาะจุด

          ถ้าคุณต้องการปกป้องผิวจากความผิดปกติดังกล่าว สิ่งที่ง่ายที่สุด คือ การเลือกใช้เครื่องสำอางที่รับมือกับปัญหาสีผิวเข้มขึ้นเฉพาะจุด อาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสาร Anti Oxidant ที่ถูกพบในสารสกัดมากมายจากพืช รวมถึงวิตามินอี วิตามินซี กรดเฟอรูลิก และโปรแอนโธไซยานิดินจากไวน์ โพลีฟีนอลจากชาเขียว เรสเวราทรอลจากไวน์ และเจนิสตินจากถั่วเหลือง โดยสารสกัดทั้งหมดนี้สามารถช่วยปรับให้สีผิวที่มีจุดด่างดำ ดูสม่ำเสมอขึ้นได้อย่างเห็นผล

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2557

คังเซน คอฟฟี่ คอลลาเจน พลัส Coffee Collagen Plus (NEW!!)

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

คังเซน คอฟฟี่ คอลลาเจน พลัส Coffee Collagen Plus (NEW!!)



กาแฟไขมันต่ำ ปราศจากโคเลสเตอรอล มีวิตามัน เอ,ดี,บี6,บี12 อีกทั้งยังเป็นแหล่งของแคลเซียม เหล็ก โครเมียและสังกะสี ควบคุมน้ำหนักและบำรุงผิวพรรณ

Kangzen Coffee Collagen Plus จึง เป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับคนที่กำลังมองหากาแฟสำเร็จรูปที่ช่วยส่งเสริมสุขภาพ ควบคุมน้ำหนักและบำรุงผิวพรรณไปด้วย คังเซน คอฟฟี่ คอลลาเจน พลัส มีส่วนผสมของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เป็นมิตต่อสุขภาพด้วย

ส่วนผสมสำคัญของกาแฟคังเซน Coffee Collagen Plus
- ครีมเทียม 56.031% ทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มข้นขึ้น เพิ่มความ หอม มัน
- ผงกาแฟ 28.000% ใช้กาแฟโรบัสต้า และอราบิก้า
- โอลิโกแซคคาไรด์ 6.990% ช่วยรักษาสมดุลจุลินทรีย์ที่ดีในลำไส้
- คอลลาเจนเปปไทด์ 4.750% สร้างความแข็งแรงของชั้นผิวหนัง
- สารสกัดจากถั่วขาว 1.000% Block แป้ง
- สารสกัดจากดอกคำฝอย 1.000% ช่วยเร่งกระบวนการเผาผลาญ
- สารสกัดจากเมล็ดองุ่น 0.400% ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงผิว
- อะซีซัลเฟมเค 0.400% สารให้ความหวานที่ ไม่ให้พลังงานหรือพลังงานต่ำ
- แอสปาร์แตม 0.400% สารให้ความหวานที่ ไม่ให้พลังงานหรือพลังงานต่ำ
- วิตามินผสม 0.200% ช่วยในกระบวนการทำงานของร่างกาย
- แอล-กลูต้าไธโอน 0.120% ช่วยกระบวนการสร้างเมลลานิน
- ไตรซิงก์ซิเทรต 0.005% ช่วยในกระบวนการต้านอนุมูลอิสระ
- โครเมียม อะมิโน แอซิด คีเลท 2%)0.004% ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมัน
- แต่งกลิ่นเลียนธรรมชาติ



วิธีรับประทาน

- ใช้ เฮลท์ติ-เซน คอฟฟี่ ยัว สริม คอลลาเจน พลัส 1 ซอง ต่อน้ำร้อน 1 แก้ว (120 มิลลิลิตร)

คังเซน คอฟฟี่ คอลลาเจน พลัส ขนาดบรรจุ 20 ซองต่อกล่อง มีคอลลาเจนเปปไทด์ 16,000 mg. ต่อกล่อง จัดเต็มแน่นด้วยคุณภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีและผิวพรรณ ครบทุกความต้องการ มั่นใจได้ในคุณจากคังเซน ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าความงามและสุขภาพมายาวนานตั้งแต่ปี 2536 ผ่านทางสมาชิกตัวแทนจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายโดยตรง บริการจัดส่งถึงที่โดยบริการ EMS ของไปรษณีไทย...คุณจึงมั่นใจ ว่าได้สินค้าของแท้คุณภาพใหม่ สด เสมอ ไม่มีสินค้าค้างสต๊อกส่งให้ท่านแน่นอน 



แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม
http://www.kangzenofcr.com/14986137/กาแฟเพื่อสุขภาพและผิวพรรณ-new

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันพุธที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เม็ดสีเมลานิน (Melanin)

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

เม็ดสีเมลานิน (Melanin)
ถูกสร้างในชั้นหนังกำพร้า โดยเซลล์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เมลาโนทัยท์ (melano cytes)
จะอยู่บริเวณชั้นของ Stratum basale ซึ่งจะปล่อยเมลานินเข้าไปในเซลล์ของหนังกำพร้า
ที่อยู่ใกล้เคียง
 ( จากข้อมุลข้างต้นทำให้อธิบายได้ว่า ในกลุ่มที่ใช้อาหารเสริมกลุ่ม L-Glutathione เพื่อวัตถุ
ประสงค์ให้ดูผิวขาวขึ้นนั้น กลไกการทำงานของกลูต้าไทโอน จะไปยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
จากเซลเมลาโนไซท์ แต่กว่าจะเห็นผลของชั้นผิวหนังที่มีปริมาณเม็ดสีเมลานินน้อยลงนั้น ต้อง
รอให้เซลก่อนหน้านั้นซึ่งมีเม็ดสีเมลานินอยู่แล้วนั้นให้ลอกออกไปตามไซเคิลเสียก่อน ซึ่งใช้
ระยะเวลาของการหลุดลอกเซลเก่าออกไปใช้ระยะเวลาช่วง 30 - 40 วัน ชั้นผิวใหม่ที่มีเมลานิน
สะสมอยู่ในเซลที่ลดลงถึงจะเผยโฉมออกมาให้เห็นได้ และจะวนรอบเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆหากยังมี
การใช้กลูต้าไทโอน อย่างต่อเนื่อง )
พอผิวหนังถูกแสงแดดมากขึ้น เมลานินจะถูกสร้างมากขึ้น ทำให้ผิวเป็นสีน้ำตาลแดง จะพบได้
ในพวกฝรั่ง พวกนิโกรผิวดำ จะมีผิวที่แผ่รังสีความร้อนได้ดีกว่าพวกผิวขาว บางพวกมีผิวหน้า
สีเหลือง ก็เนื่องจากเม็ดสีเหลืองหรือ “คาโรตีน” ที่อยู่ในชั้นนอกของหนังกำพร้า พวกที่ผิวตก
กระ ก็เนื่องจากมีเซลล์ เมลาโนซัยท์ที่เสื่อมคุณภาพสร้างเม็ดสีเมลานินไม่ได้ มาอยู่รอบๆ
กระจุกของเม็ดสี

กลไกการรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง
1.เซลล์ชั้นนอกสุด (stratum corneum) หรือที่เรียกว่าชั้นขี้ไคลเป็นเซลล์ที่ไม่มีชีวิตแล้วและ
   ด้วยชั้นไขมันหุ้มภายนอก ถัดไปเป็นชั้นโปรตีนเป็นปลอกหุ้มเซลล์ผิวหนังชั้นนี้ และมีโปรตีน
   ที่เรียกว่า เคอราติน (keratin) เป็นส่วนประกอบภายในเซลล์ ป้องกันไม่ให้น้ำทะลุผ่านเซลล์
   ผิวหนังออกสู่ภายนอก  
2.ชั้นไขมันแทรกอยู่ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล ชั้นไขมันนี้สร้างจากเซลล์ผิวหนัง ประกอบ
   ด้วย ceramides, cholesterol, cholesterol sulfate, triglyceride เป็นต้น ทำ
   หน้าที่ปิดกั้นไม่ให้น้ำในร่างกายซึมผ่านช่องระหว่างเซลล์ผิวหนังออกสู่ภายนอก  
3.ไขมันจากต่อมไขมัน ต่อมไขมันที่หลั่งสารไขมันออกตามรูขุมขน สารไขมันจะแผ่ออกเคลือบ
   ผิวของชั้นหนังกำพร้า ป้องกันไม่ให้น้ำซึมผ่านเซลล์และช่องว่างระหว่างเซลล์ออกสู่ภายนอก                
 
การรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง อาศัยคุณสมบัติของผิวหนังชั้นนอกสุดและไขมันที่เซลล์ผิว
หนัง และต่อมไขมันสร้างขึ้นมาควบคุมไม่ให้น้ำซึมผ่านออกสู่ภายนอกร่างกาย
นอกจากนี้ยังมีการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังตามธรรมชาติ (natural moisturizers)
สารต่างๆ เหล่านี้ส่วนใหญ่ คือ กรดอะมิโน อนุพันธ์ (derivative) กรดอะมิโนและเกลือของ
กรดอะมิโน เป็นสารรักษาความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง สารเหล่านี้ ได้แก่  
1.Sodium 2 pyrrolidone 5 carboxylic acid
2.Urea
3.Lactic acid  
จากความรู้เรื่องสารรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาตินี้ ได้มีการนำสารดังกล่าวมาผสมในมอยส์
เจอไรเซอร์ชนิดต่างๆ  

ทำไมผิวหนังจึงแห้ง : ผิวหนังแห้งเป็นผลจากการเสียน้ำออกจากผิวหนัง เกิดจากกลไกสำคัญ
3 ประการ  
1.ผิวลอกเป็นขุยจากความผิดปกติในการสร้าง (keratin) ทำให้เสียความสามารถในการรักษาน้ำ
  ไว้ที่ผิวหนัง  
2.ชั้นหนังกำพร้ามีการหมุนเวียนเร็วกว่าปกติ ทำให้ไม่มีเวลาพอในการสร้างผิวหนังชั้นนอกสุด
   หรือชั้นขี้ไคลที่สมบูรณ์ได้ หนังกำพร้าชั้นนอกสุดมีส่วนประกอบเป็นชั้นไขมันแทรกอยู่
   ระหว่างเซลล์ผิวหนังชั้นขี้ไคล ผิวหนังที่มีการหมุนเวียนรวดเร็วจะไม่สามารถสร้างชั้นไขมัน
   ได้ทัน จึงเสียความสามารถในการรักษาน้ำให้คงอยู่ในผิวหนังไป  
3.มีการทำลายของผิวหนังชั้นหนังกำพร้าจากสารเคมี เช่น detergents ทำให้สูญเสียไขมัน
   ชั้นหนังกำพร้าไป เป็นผลให้ผิวหนังสูญเสียน้ำออกสู่สิ่งแวดล้อมได้ง่ายขึ้น การเกิดภาวะผิว
   แห้ง อาจเป็นผลจากกลไกใดกลไกหนึ่งหรือเกิดจากทั้ง 3 กลไก พร้อมๆ กันได้

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สิวกับสุขภาพ ทำนายได้จากตำแหน่งของสิวบนใบหน้า

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

สิวกับสุขภาพ ทำนายได้จากตำแหน่งของสิวบนใบหน้า

หน้าผากด้านซ้ายและขวา
          อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : การย่อยอาหาร กระเพาะปัสสาวะ ต่อมหมวกไต
         บ่งบอก : มีความเครียดสูง

 ระหว่างคิ้ว
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : ตับ
         บ่งบอก : อาจมีปัญหาในการย่อยแลคโตส ทำให้ดื่มนมไม่ได้

 ใบหูซ้ายและขวา
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : ไต
         บ่งบอก : มีของเสียคั่งค้างในร่างกาย อาจทำให้ตัวบวมได้

 แก้มซ้ายและขวา
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : ไซนัสและปอด (แก้มส่วนบน) เหงือกและฟัน (แก้มส่วนล่าง)
         บ่งบอก : แพ้ควันบุหรี่ ภูมิแพ้เรื้อรัง หรือถ้าเป็นริ้วรอยลึกบริเวณโหนกแก้ม อาจบ่งบอกถึงปัญหาเรื่องปอดหรือทางเดินหายใจ

 รอบดวงตาซ้ายและขวา
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : ไตและภูมิแพ้
         บ่งบอก : การมีสารพิษตกค้างในร่างกายมาก พักผ่อนน้อยหรือขาดสารอาหาร

 จมูกและเหนือริมฝีปาก
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : หัวใจและระบบสืบพันธุ์
         บ่งบอก : ถ้ามีสิวสีแดงเข้มขึ้นบริเวณจมูก บ่งบอกถึงโรคความดันโลหิตสูง แต่ถ้าเป็นสิวอุดตัน จะบ่งบอกถึงระบบฮอร์โมนในร่างกาย เช่น ประจำเดือน วัยทอง หรือการใช้ยาคุมกำเนิด

 ใต้ริมฝีปากด้านซ้ายและขวา
         อวัยวะที่เกี่ยวข้อง : รังไข่
         บ่งบอก : ปัญหาสมดุลด้านฮอร์โมน แต่ถ้ามีปัญหาการอุดตันของสิวบริเวณใบหู แสดงว่าฟันกรามมีปัญหาที่มาจาก

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เรื่องที่ต้องเปิดเผย...ของจุดซ่อนเร้น

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

จุดซ่อนเร้น
เรื่องที่ต้องเปิดเผย...ของจุดซ่อนเร้น

          แค่ ดูแลความสะอาด หมดจดตั้งแต่โคนผมจรดปลายเท้า ก็นับว่าคุณได้ถ้วยชนะเลิศ สาขาสุขอนามัยไปแล้ว แต่ข้อมูลต่อจากนี้ จะทำให้สาวรักสุขภาพได้รางวัลพิเศษ...สิ่งนั้นคือ เสน่ห์จากของรักของหวง ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นสตรีเพศ และนี่เป็นเรื่องของจุดเร้นลับที่สุดในร่างกาย ที่สมควรอย่างยิ่งกับการนำมาเปิดเผย!!!

ทำ ความรู้จักกับ "คุณน้อง"

          อวัยวะเพศของสตรีที่เราขอเรียกแบบลำลองว่า "คุณน้อง" เริ่มจากภายนอกที่เป็นเนินไขมันปกคลุมลงมาตั้งแต่หัวเหน่า และมีขนอ่อนขึ้นปกคลุมมากน้อยแล้วแต่กรรมพันธุ์ของแต่ละคน

          จากนั้นก็มีกลีบเนื้อ ที่มีลักษณะเหมือนประตูปิดช่องทางที่จะเข้าไปเชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน โดยที่ส่วนบนของกลีบเนื้อดังกล่าว จะมาบรรจบกันเป็นหนังหุ้มปุ่มปมประสาท สัมผัสที่รับรู้เกี่ยวกับการกระตุ้นทางเพศที่เรียกว่า "คลิตอริส" (Clitoris)

          บริเวณปากทางที่กลีบเนื้อสองข้างมาปิดเอาไว้ คือ ปากช่องคลอด ซึ่งจะเป็นช่องทางลึกเข้าไปภายใน ช่องคลอดของผู้หญิงนั้นจะมีลักษณะเป็นลูกคลื่นเป็นลอน ๆ เพื่อช่วยในการขับถ่ายเอา "ตกขาว" ซึ่งเกิดจากการหลุดลอกตัวของผิวหนัง ที่ปกคลุมช่องคลอดอยู่รวมกับน้ำเมือกต่าง ๆ ออกมา

ธรรมชาติ ของเธอ
          ตกขาวของผู้หญิงนั้นเป็นเรื่องปกติธรรมดาถ้า มีลักษณะเป็นสีขาวขุ่น ไม่มีกลิ่นและไม่มีอาการระคายเคือง และจะมีมากขึ้นในช่วงเวลาที่ใกล้จะมีรอบเดือน หลังจากรอบเดือนผ่านไป ตกขาวจะมีลักษณะใส ๆ และมีน้อยลง จากนั้นจะมีเมือกใส ๆ เพิ่มมากขึ้นใน ช่วงกลางของรอบเดือน เมื่อมีการตกไข่

          ส่วนที่ลึกที่สุดของช่องคลอดจะต่อเนื่องกับปากมดลูก ที่จะเป็นทางเชื่อมต่อเข้าสู่โพรงมดลูก ท่อรังไข่และช่องท้องส่วนอุ้งเชิงกราน ปากมดลูกนี้จะเปิดขยายและมีมูกออกมามาก ในวันที่มีการตกไข่ช่วงปลายของรอบเดือน เพื่อให้ตัวอสุจิมาสามารถแหวกว่ายเข้าไปภายในโพรงมดลูกได้ง่ายขึ้น


          ถ้ามีเพศสัมพันธ์ในวันดังกล่าว และเมื่อเวลามีประจำเดือนออกมา เนื่องจากการหลุดลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ปากมดลูกก็จะเปิดออกอีกครั้ง เพื่อให้เลือดประจำเดือนไหลออกมาจากโพรงมดลูก เข้าสู่ช่องคลอดและออกสู่ภายนอก

          ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่สุขอนามัยของ "คุณ น้อง" จะอ่อนแอ และถ้าไม่รักษาความสะอาดให้ดี อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียจากภายนอก รุกรานผ่านปากมดลูกที่เปิดขยาย เพราะมีเลือดประจำเดือนเป็นอาหารอันโอชะ จนแบคทีเรียเกิดการแพร่พันธุ์ ทำให้เกิดการอักเสบติดเชื้อของมดลูกและปีกมดลูกได้

          ช่วงเวลาที่มีประจำเดือน จึงต้องเป็นช่วงเวลาที่ผู้หญิงจะต้องรู้จักการทำความสะอาดอวัยวะเพศอย่างถูก วิธี เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นได้

          อย่างไรก็ตาม ภายในช่องคลอดนั้นจะมีเชื้อแบคทีเรียที่เป็นมิตรต่อมนุษย์อาศัยอยู่ มีชื่อว่า แลคโตแบซิ ลลัส (Lactobacillus) แบคทีเรียชนิดนี้จะทำหน้าที่เหมือนทหารยามคอยปกป้อง ไม่ให้เชื้อโรคภายนอกรุกรานเข้าไปทำอันตราย โดยการปรับสภาพแวดล้อมภายในช่องคลอด ให้เป็นกรดอ่อน ๆ มีค่าความเป็นกรดด่างอยู่ที่ประมาณ 4-4.5 ซึ่งไม่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายอื่น ๆ

          การรับประทานยาปฏิชีวนะที่ออกฤทธิ์ครอบคลุมกว้างเป็นเวลานาน จะไปทำลายแบคทีเรียแลคโตแบซิลลัสที่เป็นมิตรให้หมดไป จนเชื้อโรคประเภทเชื้อราฉวยโอกาสเข้ามา ทำให้เกิดการอักเสบได้ เช่นเดียวกับการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ นอกจากไม่เกิดประโยชน์แล้ว ยังจะไปทำลายแบคทีเรียที่เป็นมิตรซึ่งทำหน้าที่ ป้องกันโรคที่อาศัยอยู่ภายในช่องคลอดด้วย

เรียน รู้ เพื่อดูแล
          ปกติ ช่องคลอดผู้หญิงจะรู้จักทำความสะอาดภายในเองอยู่แล้ว โดยขับออกมาเป็นตกขาวซึ่งบางครั้งอาจจะมาก บางเวลาก็อาจจะน้อย การชะล้างเพียงภายนอกให้ตกขาวที่ออกมาเปรอะเปื้อนหมดไป ก็เป็นการเพียงพอแล้ว

          แต่การ เรียนรู้ที่จะดูแลสุขอนามัยของอวัยวะเพศสตรีนั้น เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ที่จะต้องเรียนรู้เพื่อที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดีซึ่งต่อไปนี้ จึงเป็นหลักการและวิธีการที่แนะนำ...

ขน อ่อน ๆ ภายนอก
          ธรรมชาติ มีไว้ช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นต่าง ๆ ที่อับชื้นระเหยออกมา จึงไม่ควรที่จะถอนทึ้งหรือดึงเล่นแต่อย่างใด รวมทั้งไม่ควรโกนหรือย้อมสีด้วย จะอนุญาตก็แค่เล็ม ๆ ตัดแต่งให้สวยงามเท่านั้น


บริเวณซอกหลีกและรอยพับของกล้ามเนื้อ
          ถ้ามีคราบไคลมาหมักหมมก็ให้ชะล้างออก ด้วยน้ำอุ่น ๆ ถ้ายังสะอาดไม่พอ การใช้โฟมอนามัยเฉพาะที่ ที่มีความเป็นกรดด่างใกล้เคียงกับผิวหนังบริเวณดังกล่าว คือประมาณ 5.5 ก็จะช่วยให้รู้สึกว่าสะอาดขึ้นได้

ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด
          ไม่ว่าจะด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อโดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้สภาพแวดล้อมภายในช่องคลอดเปลี่ยนไป จนอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น

ควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยาง
          สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพราะนอกจากจะสามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้แล้ว ยังทำให้ "คุณน้อง" สะอาดไม่ต้องมีน้ำอสุจิ ตกค้างหมักหมมอยู่ภายในช่องคลอด รวมทั้งลดโอกาสการติดเชื้อรา ซึ่งอาจหลงอยู่ภายใต้ผิวหนังหุ้มปลายอวัยวะของฝ่ายชายที่ทำความสะอาดมาไม่ดี

หลังมีเพศสัมพันธ์
          การทำความสะอาดภายนอกก็เป็นการเพียงพอแล้ว และในกรณีที่ฝ่ายชายหลั่งน้ำอสุจิไว้ภายนอก ควรรีบไปชะล้างด้วยน้ำอุ่นทันทีหลังจากเสร็จภารกิจ เพื่อทำให้น้ำอสุจิที่เปรอะเปื้อนบริเวณขนอ่อน ๆ ได้รับการชำระล้างออกไปหมดจนไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง การใช้สบู่อ่อน ๆ หรือน้ำยาและโฟมทำความสะอาดก็สะดวกดี

เปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ
         ระหว่างมี ประจำเดือน อย่ารอจนผ้าอนามัยเปียกชุ่มแล้วจึงเปลี่ยน เพราะเลือดที่ตกค้างอยู่บนแผ่นอนามัยนั้น อาจทำให้ผิวหนังบริเวณปากช่องคลอดระคายเคือง และเป็นผื่นแพ้ได้ง่าย ควรทำความสะอาด "คุณน้อง" อย่างน้อยวันละสอง ครั้ง ในตอนเช้าและเย็น ส่วนผ้าอนามัยชนิดสอดเพื่อความสะดวกบางประการนั้น ควรเลือกใช้ชนิดที่สะอาดปลอดภัย ได้มาตรฐาน รวมทั้งไม่เก็บผ้าอนามัยไว้ในทีอับชื้น เช่น ตามซอกตู้ ใต้อ่างน้ำ หรือตามหลืบลิ้นชัก เพราะอาจขึ้นราได้ง่าย

หลังจากอาบน้ำ
          ทำความสะอาด "คุณน้อง" จนสะอาดแล้ว ควรซับด้วยผ้าเช็ดตัวแห้ง ๆ ที่เป็นผ้าฝ้าย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ควรเช็ดถู อย่างรุนแรง และควรนำผ้าเช็ดตัวออกตากแดด ให้แห้งทุกวัน ไม่ควรตากไว้หน้าห้องน้ำเพราะจะอับชื้นและขึ้นราได้

กางเกงในหรือชุดชั้นใน
          ควรเป็นผ้าฝ้ายที่มีเนื้อผ้าบางเบาอากาศถ่ายเทสะดวก จะช่วยลดความอับชื้นของ "คุณน้อง" และควรซัก ตาก ให้แห้งก่อนนำมาใช้

          คราว นี้ "คุณน้อง" ของสาว ๆ คงดีใจ เพราะจะได้สดชื่น สดใสตลอดไปแล้ว


แนะนำ >> ผลิตภัณฑ์ คังเซ็น(คังเซน) ดิวินิค สบู่เหลวอนามัยเฉพาะจุดซ่อนเร้น
http://www.kangzenofcr.com/14845018/%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%89-%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A5-%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C-%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%8A-200-%E0%B8%A1%E0%B8%A5-

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2557

10 ศัลยกรรมเสริมสวย ที่คุณควรระวัง

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

10 ศัลยกรรมเสริมสวย ที่คุณควรระวัง
คุณผู้หญิงที่ยังไม่พอใจในรูปร่าง สัดส่วน หรืออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายแล้วอยากทำศัลยกรรมส่วนต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงส่วนที่ยังไม่ค่อยพอใจ เรามี 10 ศัลยกรรมเสริมสวยที่คุณควรระวังมาบอก

1. วิธีลดความอ้วนด้วยวิธีฉีดสาร Lipodissolve เพื่อ ละลายไขมันตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งศัลยแพทย์และแพทย์ผิวหนังเห็นว่าควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด เพราะไม่มีการรับรองว่าได้ผลจริง อีกทั้งการทำ Lipodissolve นั้นยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐฯ อีกด้วย

2. ศัลยกรรมเท้า ปัจจุบันผู้หญิงหันมาทำศัลยกรรมเท้า เพื่อปรับเปลี่ยนรูปร่างเท้าให้ดูสวยงามและเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น แต่นายแพทย์เกลนน์ บี. เฟฟเฟอร์ ประธานสมาคมศัลยกรรมกระดูกเท้าและข้อเท้าแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า การทำศัลยกรรมเท้าใช้หลายวิธีร่วมกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อเท้าได้ ทั้งอักเสบ เซลล์ประสาทถูกทำลาย เท้าบวมเรื้อรัง และเจ็บขณะเดิน

3. การฉีดเสริมส่วนต่าง ๆ แบบถาวร ไม่ ว่าจะเป็นริมฝีปาก หรือปกปิดริ้วรอย โดยทั่วไป สารใช้ฉีดมักจะเป็นการฉีดแบบชั่วคราว เมื่อเวลาผ่านไปสารเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย และสิ่งต่าง ๆ ที่ทำไว้ก็จะกลับคืนสภาพเดิม แต่ก็มีสารบางชนิดที่เป็นการฉีดแบบถาวร ซึ่งจะไปจับตัวกับเนื้อเยื่ออย่างถาวร และมีโอกาสที่จะจับผิดที่ผิดทาง แทนที่จะสวยกลับดูบิดเบี้ยวผิดธรรมชาติไป

4. การฉีดเสริมเต้านม โดย ปกติแล้วแพทย์จะนำไขมันจากส่วนอื่นของร่างกายมาฉีดเสริม ความจริงแล้วการฉีดไขมันเข้าไปยังเนื้อเยื่อบริเวณหน้าอกเป็นอันตรายอย่าง มาก เพราะไขมันที่ฉีดเข้าไปอาจแข็งตัวทำให้ตรวจหามะเร็งเต้านมได้ยากขึ้น

5. ต่อความยาวขา เป็นการผ่าตัดที่รู้จักกันดีในแถบเอเชีย แต่ความสุงเพิ่มขึ้นไม่มากอย่างที่คิด และแพงเกินคาด เฉลี่ยต่อครั้งประมาณ 4,200,000 บาท สรุปคือ สูงขึ้นนิดหน่อย เสียเงินเยอะ แถมเจ็บตัวอีกต่างหาก

6. ศัลยกรรมเสริมบั้นท้าย ทำโดยเสริมแผ่นซิลิโคนก้อนแข็ง ลงไปใต้เส้นใยกล้ามเนื้อสะโพก ทั้งนี้ การทำศัลยกรรมสะโพกนั้นมีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เนื่องจากจะเย็บแผลให้อยู่ระหว่างบั้นท้ายทั้งสอง ซึ่งทำให้แผลนั้นอยู่ใกล้กับทวารหนัก แหล่งสะสมสารพัดเชื้อโรคค่ะ

7. สักหน้า ไม่ ว่าจะเป็น คิ้ว ขอบตา ขอบปาก ฯลฯ เมื่อเวลาผ่านไปหรือคุณเบื่อขึ้นมาจะทำยังไง!! จริงอยู่ที่ยุคนี้ลบรอยสักได้สบาย แต่ทราบมั้ยค่ะว่า พื้นที่ส่วนใหญ่บนใบหน้ามักเป็นเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งการใช้เลเซอร์ลบรอยนั้นทำได้ยาก และผลที่ได้นั้นอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร

8. ศัลยกรรมใบหน้า ทั้งดูดไขมันที่แก้มเพราะหวังให้หน้าดูเล็กลง เซ็กซี่มากขึ้น แต่คุณอาจได้หน้าบุ๋ม เป็นหลุมเพราะไขมันถูกดูดออกไปเยอะเกินพอดีก็ได้ และต่อไปก็ดึงหน้า ที่มักจะมีปัญหาเรื่องแผลผ่าตัดซึ่งเห็นได้ชัดจนต้องวิ่งกลับไปแก้แล้วแก้ อีก

9. การผ่าตัดกระชับทรวงอก ด้วยวิธีการตัดผิวหนังส่วนเกินออก (mastopexy) เป็นการผ่าตัดที่มีโอกาสผิดพลาดได้มากที่สุด เพราะบางครั้งเมื่อทำการเสริมหน้าอกแล้วผิวหนังที่ลอกออกมากลับไม่เพียงพอ กับขนาดหน้าอกใหม่ ทำให้ต้องพยายามดึงผิวหนังที่เหลือมาเย็บปิด ปัญหาที่ตามมาหลังจากการผ่าตัดนี้ คือ การติดเชื้อ วัสดุที่ใช้เสริมหลุดออก หน้าอกไม่เท่ากัน หัวนมด้าน ไม่สามารถให้นมบุตรได้ และปัญหาการฟื้นตัวค่ะ

10. การเสริมสวยทุกอย่างที่ไม่ได้ทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ไม่ ใช่ว่าทุกคนจะสามารถทำศัลยกรรมให้กับคุณได้ดี เพราะฉะนั้น ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ให้ละเอียดก่อนที่จะตัดสินใจทำศัลยกรรม จะได้กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ 



เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ชะลอความแก่ แบบถนอมสุขภาพ

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

ชะลอความแก่ แบบถนอมสุขภาพ
       การชะลอวัย (Anti-Aging) ไม่ได้หมายถึง การที่จะทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น มนุษย์เราไม่สามารถจะ หลีกหนีอายุหรือตัวเลขที่มากขึ้นในทุกๆปี แต่การแพทย์สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัย (Anti-Aging Medicine) นั้น หมายถึง การแพทย์ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการป้องกันหรือชะลอความเสื่อมหรือ โรคที่เกี่ยวข้องกับความเสื่อมของร่างกาย เช่นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือโรคมะเร็งเป็นต้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เจ็บป่วย แทนที่จะต้องทุกข์ทรมานด้วย โรคดังกล่าว ถ้าดูแลตัวเองให้ดีเสียตั้งแต่เนิ่นๆ อาจสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่า มีความสุข

      ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากสามารถปฏิบัติเบื้องต้นที่สามารถทำได้ง่าย ๆ

         1. การรับประทานอาหาร รู้จักวิธีการเลือกและเลือกกิน ให้ถูกสัดส่วน เน้นโปรตีนธรรมชาติ จากเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการแปรรูปและเลี้ยงอย่างเป็นธรรมชาติไม่ใช้ฮอร์โมน ผักผลไม้สดที่ ปลอดสารฆ่าแมลง ไขมันที่มีประโยชน์ได้แก่ ไขมันที่ไม่อิ่มตัวจากน้ำมันปลา น้ำมันปอ น้ำมัน มะกอก ลดอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เช่น ขนมขบเคี้ยว ขนมเค้ก น้ำหวาน น้ำอัดลม ที่ประกอบ ด้วย น้ำตาลที่รีไฟน์ซึ่งก็คือ น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการในการย่อยให้โมเลกุลเล็กลง ซึ่งทำใหั ระดั้บน้ำตาลในเลือดขึ้นได้ง่าย เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน

         2. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายที่เหมาะสมคือการออกกำลังกายแบบปานกลาง เน้น ชนิดแอโรบิค 3-5 ครั้งต่อสัปดาห์ ครั้งละ 30 ถึง 45 นาที นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มการ เผาผลาญพลังงานให้มากขึ้น เช่น การเดินขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟต์ การจอดรถให้ไกลหน่อย แล้วเดินให้มากขึ้น แม้แต่กิจกรรมที่ทำที่บ้าน เช่นการทำความสะอาดบ้าน ทำสวน ก็สามารถ เพิ่มการเผาผลาญพลังงานเพื่อการควบคุมน้ำหนักให้เหมาะสมได้

           3. การนอน วันละ 6-8 ชั่วโมง เริ่มนอนตั้งแต่ประมาณ 4 ถึง 5 ทุ่มเนื่องด้วยฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin) ที่ช่วยเรื่องการนอนจะเริ่มผลิตตอน 4 ถึง 5 ทุ่ม แล้วมีระดับสูงสุดช่วงตีสอง หลังจากเมลาโทนินขึ้นระดับสูงสุดจะมีการผลิต Growth hormone (โกร์ธ ฮอร์โมน) ขึ้นมา เพื่อช่วยซ่อมแซมร่างกายของคนเราและจะเกิดการผลิตฮอร์โมนอื่นๆตอนเช้า เช่นฮอร์โมน ธัยรอยด์ ขึ้นมาในระดับที่เหมาะสม ถ้านอนเลยตี 2 การผลิต ฮอร์โมนจะเสียสมดุลทันที จะไปนอนตอนกลางวันเพื่อทดแทนก็ไม่มีประโยชน์เพราะในช่วง กลางวันไม่มีสามารถผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินขึ้นมาได้

           4. ความเครียด เครียดมากร่างกายก็เสื่อมเร็ว เครียดตอนทำงานเมื่อมีปัญหามาถึงบ้านต้อง ปล่อยวาง แต่บางคนเอาไปเก็บคิดก่อนนอน มีผลระยะยาว ในระยะแรกของการตอบสนอง ต่อความเครียดจะมีการผลิตฮอร์โมนเครียด ถ้าเครียดมาก ฮอร์โมนระดับสูงเกินปกติจะมีผล ต่อการทำงานของฮอร์โมนชนิดอื่นทำให้ฮอร์โมนชนิดอื่นๆเช่นฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนธัยรอยด์ ฮอร์โมนเมลาโทนิน ทำงานได้ลดลง นอกจากนี้ฮอร์โมนเครียดที่มากกินไปอาจก่อให้เกิดการ ทำลายสมองส่วนความจำอีกด้วย แต่ถ้าเครียดไม่หายมีการเครียดต่อเนื่องระยะยาว ต่อมที่ ผลิตฮอร์โมนเครียดก็เสื่อมเร็วมีผลทำให้การผลิตฮอร์โมนทำได้ลดลง แทนที่จะสามารถต่อสู้ กับความเครียดได้กลายเป็นว่าไม่สามารถต่อสู้ความเครียดได้อีกต่อไป หมดพลังชีวิต เบื่อ หน่าย อาจมีอาการอื่นๆร่วมด้วย เช่นอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ หิวของหวานหรือของเค็ม ความ ดันโลหิตต่ำ ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับการอักเสบหรือติดเชื้อได้เป็นต้น

         สำหรับเรื่องเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เข้ามาช่วยชะลอความเสื่อมนั้น มีตั้งแต่การลดการ ทำาลายของอนุมูลอิสระต่อร่างกาย การปรับสมดุลของฮอร์โมนโดยใช้ฮอร์โมนที่มีลักษณะโครง สร้างทางเคมีเหมือนฮอร์โมนธรรมชาติ(Bioidentical hormone) และลงลึกถึงการตรวจสาร พันธุกรรมเพื่อดูแนวโน้มความเสี่ยงของโรคก่อนที่จะเกิดพร้อมหาวิธีป้องกัน โดยใช้หลักการที่ พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตามถ้าเริ่มดูแลตัวเองเสียแต่เนิ่นๆอาจชะลอให้ความเสื่อม เกิดขึ้นช้าลง สุขภาพดีไปกว่าครึ่งแล้ว แม้ขณะนี้เทคโนโลยีที่กล่าวมาทั้งหมด ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เ ต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีอะไรที่เกินความพยายามของมนุษย์ และในปัจจุบันเริ่มมีการนำเอา วิทยาการเหล่านี้ออกมาใช้บ้างแล้ว

        แต่หากเราคิดแต่จะพึ่งพาวิทยาการเทคโนโลยีล้ำสมัยเพียงอย่างเดียว คงไม่สามารถช่วยยืด อายุเราออกไปอย่างผู้มีสุขภาพดีได้ เราจะต้องชะลอวัยด้วยตัวเองควบคู่กันไปด้วย โดยทำาได้ดังนี้

      1. ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ เป็นการเช็คร่างกายว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่
      2. การจำกัดแคลอรี่ โดยการทานอาหารอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอาหารต้านความชรานั้นมีอยู่ ในสารพฤกษเคมีซึ่งมีอยู่ในพืช ผักนานาชนิด ที่อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใยซึ่งจะทำให้เ ราไม่อ้วน ไม่แก่เร็ว และไม่เกิดโรค
      3. การดำเนินชีวิตที่เหมาะสม เช่น ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ลดพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ ร่างกายทรุดโทรม อันเป็นการก่อสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งสารอนุมูลอิสระเหล่านี้เป็นตัวการที่ ทำให้ร่างกายเสื่อมสภาพและสาเหตุของความชราเร็วกว่ากำหนด เช่น การนอนดึก ดื่มเครื่อง ดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ เป็นต้น
      4. เรื่องของจิตใจ ต้องฝึกมองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้สงบ ไม่อารมณ์ฉุนเฉียว มีการศึกษาพบว่า หากเรามีความสุขจิตใจสงบ จะมีการหลั่งสารแห่งความสุขออกมา ทำให้ระบบในร่างกายจะ ทำงานเป็นอย่างปกติ ตรงกันข้ามกับคนที่มีความเครียดสูง หรืออารมณ์ฉุนเฉียวง่าย ทำให้ใบ หน้ามีริ้วรอย และเจ็บป่วยทางร่างกายง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น คนเป็นโรคกระเพาะเนื่องจากความเครียด ป่วยเป็นไมเกรนเพราะเครียดจัด เป็นต้น

          เราไม่อาจปฏิเสธความแก่ชราที่เข้ามาเยือนในทุกๆ วันได้ แต่เราสามารถชะลอมันออกไปได้ โดยเริ่มต้นจากตัวเราเอง ดุแลตัวเองซะตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป

แนะนำ >> คังเซน โปรจีน
http://www.kangzenofcr.com/14845008/%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99-%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B5%E0%B8%99-kangzen-progene

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สวยหมดจด ดีท็อกซ์สุดสัปดาห์

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

สวยหมดจด ดีท็อกซ์สุดสัปดาห์
ผู้หญิงหลายคนคิดว่าการทำความสะอาดผิวในแต่ละวันเพียงพอแล้ว เมื่อถึงช่วงวันหยุดจึงมักที่จะใช้เวลาไปกับการนอนหรือกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งอันที่จริงแล้วการขาดการดูแลอย่างเข้มข้นในระหว่างสัปดาห์ เซลล์ผิวที่ตายแล้วผนวกกับมลภาวะ สารเคมี และสภาพอากาศแปรปรวน ทำให้ผิวเริ่มผลัดของเสียออก แต่ด้วยการทำความสะอาดที่ไม่ล้ำลึกพอ ทำให้ของเสียเกิดการสะสมและการอุดตัน ของฝุ่นควันมลภาวะ เมื่อปล่อยนานไป ผิวและเส้นผมก็จะค่อย ๆ เสื่อมสภาพ และเกิดปัญหา วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ เกี่ยวกับวิธีการทำทรีตเมนต์ประจำทุกสัปดาห์ เพื่อดีท็อกซ์สารพิษที่สะสมให้หลุดออกจากผิวมาฝากกัน

ขจัดสิ่งตกค้างให้หมดจดด้วย "สครับ"

สำหรับวันหยุดสุดยุ่ง และมีเวลาไม่มากนัก ลองเลือกผลิตภัณฑ์มาส์กหน้าที่มีส่วนผสมของเม็ดสครับ (Scrub) ที่ใช้ง่าย สะดวก และยังช่วยขจัดสิ่งสกปรก ทั้งฝุ่น ควัน และสารพิษตกค้างได้เป็นอย่างดี โดยถูเนื้อมาส์กสครับเบา ๆ ให้ทั่วใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณจมูกที่จะ มีสิ้วเสี้ยนซ่อนตัวอยู่ นวดประมาณ 3-5 นาทีแล้วล้างออก สิ่งสกปรกทั้งหลายรวมถึงสิวเสี้ยนก็สามารถหลุดออกได้โดยง่าย แถมยังสามารถเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้อีกด้วย

"นวดหน้า" กระตุ้นระบบไหลเวียนผิว

หากมีเวลาว่างมากขึ้น ลองหันมาเพิ่มเวลาให้กับผิวด้วยการนวดหน้า จากผลวิจัยพบว่า การนวดหน้าจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวหนังชั้นนอกให้หลุดร่วงไป เซลล์ผิว หนังใหม่แข็งแรงมาแทนที่ ช่วยนำสารอาหารที่เป็นประโยชน์ และออกซิเจนไปหล่อ เลี้ยงเซลล์ผิวให้แข็งแรงขึ้น โดยเลือกครีมนวดหน้าที่มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ นวดตามจุดต่าง ๆ ทั่วใบหน้า ตั้งแต่หน้าผาก ขมับ ไล่ลงมาที่แนวต่อคิ้ว บริเวณเปลือกตา หางตา ใต้ตา ซึ่งจะช่วยได้มากสำหรับคนที่ใต้ตาหมองคล้ำ จากนั้นนวดทั่วบริเวณใบหน้า จรดลำคอ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด

เพิ่มความสวยเด้งด้วย "มาส์ก"

อีกทางเลือกสำหรับสาวรักผิวที่ไม่ควรพลาด ด้วยมาส์กที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโต และเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิว และยังช่วยรักษาน้ำใต้ผิวให้คงความชุ่มชื้น สดใส แต่หากเป็นสาวที่ผิวค่อนข้างแห้งหรือหยาบกร้าน ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนิดเนื้อเจลที่มีความอ่อนโยนต่อผิว ช่วยในการดูดซับสาร พิษตกค้างได้เป็นอย่างดี แถมยังทำให้ผิวหน้าแข็งแรง เนียนนุ่ม และชุ่มชื้น โดยนวดมาส์กตามจุดต่าง ๆ ทั่วบริเวณใบหน้า พอกทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วล้างออก

ดีท็อกซ์ผม ให้สวยครบเซต

สุดท้ายเมื่อผิวหน้าดูสวยสดใสแล้ว ก็อย่าลืมดูแลเส้นผม อีกส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมบุคลิกความมั่นใจ ให้กับสาวยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี ในสภาวะแวดล้อมที่เต็มไปด้วยมลพิษ หากปล่อยปะละเลยไม่ดูแล ก็จะนำมาซึ่งสารพัดปัญหาผมที่จะคอยมารุมเร้าให้หนักใจ ทั้งแห้งเสีย แตก และขาดได้ง่าย ซึ่งวิธีป้องกันที่ง่ายที่สุด คือ การเลือกใช้แชมพู โดยเลือกที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ อ่อนโยนต่อเส้นผมและหนังศีรษะ และควรเลือกแชมพูที่มีประสิทธิภาพ ในการขจัดสารพิษตกค้างได้อย่างหมดจด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เส้นผมแข็งแรง และดูสุขภาพดีโดยตลอด

เคล็ดลับดี ๆ นี้ปฏิบัติในทุกสัปดาห์ ควบคู่กับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหมั่น ออกกำลังกายเป็นประจำ เพียงเท่านี้คุณก็พร้อมที่จะเผยผิวสวยผมสุขภาพดีได้อย่างมั่นใจ

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เลือกทานวิตามินให้สมวัย

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

เลือกทานวิตามินให้สมวัย
สาวๆ หลายคนอาจเคยตั้งคำถามเกี่ยวกับการเลือกทานวิตามิน วิตามินใด ปริมาณแค่ไหน จึงจะเหมาสมกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะความต้องการของผู้หญิงที่มีความแตกต่างในแต่ละช่วงวัย กิจกรรมและไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างกันก็มีส่วนสำคัญในการเลือกทานวิตามินที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

เพราะช่วงวัยที่แตกต่าง ร่างกายของผู้หญิงจึงต้องการสารอาหารที่แตกต่าง สารอาหารส่วนใหญ่ที่ร่างกายได้รับในแต่ละวันมาจากอาหารที่เลือกรับประทาน ซึ่งจะเพียงพอหรือ อาจเป็นสิ่งยากที่จะวัด เพราะขึ้นอยู่กับทางเลือกและความชอบส่วนตัว สาวๆ ส่วนใหญ่จึงเลือกทานวิตามินเสริม โดยยึดหลัก ‘เกินดีกว่าขาด’ ก่อนพิจารณาเลือกวิตามินที่เหมาะสมให้กับร่างกาย การรับทราบถึงความจำเป็นบวกกับกิจกรรมและไลฟ์สไตล์ในแต่ละช่วงวัย จึงเป็นข้อพิจารณาที่ดีต่อการเลือกทานวิตามินเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด  

สาวใสวัย 20
วิตามิน ซี – มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย เพราะไม่ใช่แค่เพียงป้องกันการเกิดหวัด แต่ยังช่วยขจัดอนุมูลอิสระที่อาจก่อให้เกิดโรคหลายชนิด นอกจากนั้น วิตามิน ซี ยังมีส่วนสำคัญในการช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก และการทำงานของระบบประสาท และยังช่วยในการสร้างคอลลาเจน

เกรพซีด (Grape Seed) – เต็มไปด้วยวิตามินสำคัญๆ ทั้งวิตามิน เอ ซึ่งมีส่วนช่วยในการมองเห็น และมีบทบาทต่อการสร้างเซลล์ใหม่ วิตามิน ซี ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างภูมิต้านทาน และบำรุงผิวพรรณ และวิตามิน อี ช่วยเสริมการทำงานของวิตามิน เอ และ ซี และปกป้องผิวจากรอยแผลและผิวอักเสบต่างๆ นอกจากนั้น สารสกัดจากเมล็ดองุ่นยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระ

แคลเซียม – เมื่ออายุ 25 แคลเซียมในร่ายกายจะเริ่มเสื่อมลง การเสริมแคลเซียมจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม แคลเซียมยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ลิ่มเลือดจับตัวได้ดีขึ้น พร้อมกับช่วยการทำงานของกล้ามเนื้อและการเต้นหัวใจ และถ้าจะให้ดี ควรทานแคลเซียมควบคู่กับวิตามิน เค ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น

สาววัยเลขสาม
วิตามิน บี รวม – เสริมความพร้อมของระบบประสาทและสมองสำหรับคนทำงานหนักด้วยวิตามิน บี รวม ทั้ง บี1 บี2 บี3 บี5 บี6 บี7 บี9 และบี12 เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบสมองและประสาทส่วนกลาง การทำงานของหัวใจ สร้างเม็ดเลือดแดงและระบบภูมิคุ้มกัน

สารสกัดใบแปะก๊วย – เพิ่มประสิทธิภาพของสมองได้ด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วย ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ป้องกันการเสื่อมของเซลล์สมองจากการถูกทำลายด้วยอนุมูลอิสระ อีกทั้งปกป้องเซลล์ประสาทจากการขาดอ๊อกซิเจน และยังมีส่วนทำให้ผนังหลอดเลือดแดงยืดหยุ่นและแข็งแรง

สี่สิบยังสวยพริ้ง
อีฟเวนนิง พริมโรส ออย (Evening Primrose Oil) – เป็นกรดไขมันจำเป็นซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเซลล์ผิวหนัง ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิว ปรับสภาพผิวที่แห้งกร้านให้ ชุ่มชื่น ลดริ้วรอย นอกจากนั้น ยังช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนและอาการผิดปกติของช่วงหมดประจำเดือนได้ดีอีกด้วย

สง่าแบบสาวเลขห้า
ฟิช ออย (Fish Oil) – เป็นสารประกอบของกรดไขมันกลุ่มของโอเมก้า 3 ที่ร่างกายสร้างเองไม่ได้  ซึ่งมี 2 ชนิด ได้แก่ EPA ที่ช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ในเลือด ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด และ DHA ซึ่งช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางสมอง ความจำ ตลอดจนระบบสายตา ฟิช ออยสามารถช่วยลดความดันโลหิต และทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และยังบรรเทาอาการปวดข้อรูมาตอยด์และข้อเสื่อมอีกด้วย

ขอบคุณที่มา : http://www.pooyingnaka.com

แนะนำ >> คริลล์ ออยล์
http://www.kangzenofcr.com/14834955/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B9%8C-%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B9%8C-krill-oill

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2557

นวดหน้ารับลมหนาว

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

นวดหน้ารับลมหนาว
ใกล้หน้าหนาวเข้ามาทุกที สาวๆ ต้องเตรียมดูเเลผิวเพื่อป้องกันความเเห้งกร้านที่จะมาเยือน ด้วยเคล็ดลับการนวดกระตุ้นให้ผิวเปล่งปลั่ง แลดูมีเลือดฝาด แก้มแดงเป็นสีชมพูน่าจุ๊บ

1 หลังบำรุงผิวในขั้นตอนสุดท้าย ให้ใช้ปลายนิ้วมือทั้งสองข้างกดที่บริเวณริมฝีปากเเล้วค่อยๆ เลื่อนไปที่บริเวณใต้เเก้มไปจนถึงกรอบหน้า สลับเลื่อนเข้าและเลื่อนออก 3 ครั้ง

2 ใช้ปลายนิ้วมือมือทั้ง 2 ข้างดันบริเวณกระพุ้งแก้มแล้วค่อยๆ ยกขึ้น ทำแบบนี้ 3 ครั้ง

3 ใช้นิ้วกลางและนิ้วนางกดตรงปลายหางตา แล้วดึงออกด้านข้างอย่างเบามือ ทำสลับซ้ายขวา 3 ครั้ง

4 ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางกดที่บริเวณกึ่งกลางหน้าผาก เลื่อนปลายนิ้วเข้าออกแบบสลับฟันปลา ทำ 3 ครั้ง

5 ใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างปิดแก้ม โดยให้ปลายนิ้วอยู่ที่บริเวณรอบดวงตาเเละฝ่ามืออยู่ที่เเก้มกดลงเบาๆ แช่ไว้สักครู่เพื่อถ่ายเทความอบอุ่นให้ผิว ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม
ปล.ปริ้นรูปหรือเซฟรูปมา ลดราคา 50% สำหรับคอร์สทำหน้า ปรกติ 3คอร์ส 1400



เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สูตรผิวกายสวยสดใสต่างวัย 20-30-40-50

Kangzen Of ChiangRAI 
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

สูตรผิวกายสวยสดใสต่างวัย 20-30-40-50
อย่าปล่อยให้ใบหน้าสวยใสแต่ผิวกายหมองคล้ำหรือเหี่ยวย่นบอกอายุ! มาเริ่มต้นดูแลผิวพรรณกันให้ดีตั้งแต่วันนี้ แล้วไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ กฎของวัยก็ไม่อาจทำลายความสวยของคุณได้ง่าย ๆ หรอกนะจะบอกให้

20+
ในวัยนี้คุณยังไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงมากนักในเรื่องการใช้ผลิตภัณฑ์แอนดี้เอจจิ้ง ทั้งหลายแหล่ ซึ่งไม่เพียงแต่จะทำให้กระเป๋าฉีก แต่ยังไม่จำเป็นอีกด้วย เพียงแค่เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับประเภทของผิว และเลือกแบบอ่อนโยนที่สุด เอาไว้ก่อน
การดูแลผิว : สิ่งหนึ่งซึ่งจะแนะนำเป็นพิเศษ สำหรับทุกวัยก็คือการขัดผิวเป็นประจำ เพราะคุณจำเป็นต้องกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วซึ่งสะสมตัวอยู่บนผิวชั้นบน และทำให้ผิวดูหมองคล้ำไม่สดใส และหากผิวของคุณปกคลุมไปด้วยชั้นของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และไม่ว่าคุณจะทาครีมหรือโลชั่นลงไปมากเท่าไหร่ มันก็จะคงอยู่แค่ที่ชั้นของเซลล์ผิว ซึ่งตายแล้ว และไม่สามารถแทรกซึมลงไปดูแลผิวได้ การขัดลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วนี้ออกไป จึงเป็นเรื่องจำเป็น และวิธีที่ดีที่สุดก็คือการจัดการกับมันในขณะที่อาบน้ำ ลองใช้ถุงมือหยาบๆ หรือผ้าขนหนู ร่วมกับครีมอาบน้ำ เพื่อขัดลอกเซลล์ผิวเป็นประจำทุกวัน และสัปดาห์ละครั้งควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับขัดผิวกายโดยเฉพาะ อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวตามทันที หลังจากเช็ดตัวแห้งแล้ว คุณจะเห็นความแตกต่างของผิวในทันทีเลยทีเดียว

การออกกำลัง : อย่าเพิ่งคิดว่าวัยจะทำให้คุณไม่ต้องออกกำลัง แต่การออกกำลังจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้รูป รวมทั้งยังเพิ่มการเผาผลาญที่ช่วยในการควบคุมน้ำหนักด้วย

อาหารผิว : การกินอาหารจำพวกผักและผลไม้ จะช่วยให้สารอาหารที่จำเป็นแก่ผิวพรรณ และยังดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย

30+
ความชื้นจากภายในและภายนอกเริ่มกระตุ้นให้เกิดริ้วรอยแรก และยังส่งผลต่อการทำงานของระบบเผาผลาญในร่างกาย
การดูแลผิว : ข่าวร้ายก็คือ ช่วงอายุนี้จะเริ่มมีสัญญาณเริ่มต้นของริ้วรอย และอิลาสตินในผิวหนังก็เริ่มเสื่อมถอย จึงยากที่ผิวจะยังคงความสดใสไว้เหมือนวัยแรกแย้ม แต่ข่าวดีก็คือ ยังพอมีทางเป็นไปได้ที่เราจะชะลอการเกิดริ้วรอยได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เราหยุดเวลาของนาฬิกาชีวภาพไม่ได้ แต่ทำให้มันเดินช้าลงได้ผิวต้องเผชิญกับทั้งแสงแดด มลภาวะ ไหนจะความเครียด และบางคนยังสูบบุหรี่ที่มีกรดไลปิด ที่สำคัญคือมอยสเจอไรเซอร์ ไม่ว่าจะเป็นครีมหรือโลชั่น ที่คอยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอยู่ตลอดอย่าได้ขาดเพื่อให้ผิวดูมีน้ำมีนวล รวมทั้งวิตามินอีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ เซลล์ผิวที่หลุดลอกนั้น ทำให้สารบำรุงความชุ่มชื้นในผิวพร่องไป และเปิดโอกาสให้เซลล์ไขมันหรือเซลลูไลต์ที่สาว ๆ กลัวนักหนาเข้ามาแทนที่ จึงทำให้ผิวแตกลาย ผลิตภัณฑ์กระชับผิวและลดเซลลูไลต์ ที่มีสารสกัดจากกาเฟอีนหรือกรดผลไม้จะช่วยบำรุงได้

การออกกำลัง : อายุ 30 ร่างกายคุณยังฟิตและเล่นกีฬาได้ เมื่อกล้ามเนื้อได้ออกกำลังก็จะคงความกระชับและทำให้รูปร่างสมส่วน การออกกำลังอย่างสม่ำเสมอจะช่วยตึงกระชับผิวและชะลอริ้วรอยได้ จึงควรเผาผลาญให้ได้อย่างน้อยที่สุด 1,500 กิโลแคลอรี ในแต่ละสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นจ็อกกิ้งหรือว่ายน้ำ รวมทั้งการฝึกโยคะ พิลาทีส ก็ช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแก่ก่อนวัยได้

อาหารผิว : มีส่วนช่วยอย่างมาก เมื่อร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุในปริมาณที่สูง ก็จะมีส่วนช่วยให้ผิวพรรณดูสวยขึ้น โดยเฉพาะวิตามินซี คนที่กินผักและผลไม้สดมาก ๆ จะเหมือนร่างกายได้รับน้ำหล่อเลี้ยงถึง 2 ลิตร ทั้งนี้ คุณควรดื่มน้ำให้ได้รวมทั้งหมด ประมาณ 1.5-2 ลิตร เช่นกัน และความเครียดก็ส่งผลให้ผิวหย่อนคล้อยได้เช่นกัน แต่สามารถแก้ได้ด้วยการดื่มน้ำแร่

40+
สกินแคร์ที่มีประสิทธิภาพ และการออกกำลังจะช่วยฟื้นฟูผิวที่แห้งและกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าได้
การดูแลผิว : ผิวจะเริ่มสูญเสียอิลาสตินมากขึ้น เซลล์ผิวไม่จับตัวแน่นเหมือนเดิม และผิวก็จะแห้งกว่าเดิม ควรทำความเข้าใจกับส่วนผสมในครีมหรือโลชั่นด้วย โดยควรมีกรดไลปิดผสมเหมือนเดิม และเพิ่มการบำรุงด้วยการใช้ครีมบำรุงแผงคอ และหน้าอกเพื่อความกระชับ เพราะผิวที่บอบบางตรงส่วนนี้จะยิ่งเกิดริ้วรอยได้ง่าย เลือกสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากพืช ซึ่งช่วยปกป้องคอลลาเจนในผิว

การออกกำลัง : ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มออกกำลังกระชับกล้ามเนื้อ เพราะเมื่ออายุ 40 ไปแล้ว มวลกล้ามเนื้อจะเริ่มลดลงและไขมันจะเข้ามาแทนที่ จึงควรต้องออกกำลังกายเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งฝึกท่าบริหารกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะกล้ามเนื้อท้อง และสะโพกไม่ให้หย่อนคล้อย

อาหารผิว : แม้ว่าผู้หญิงบางคนจะยังไม่มีปัญหาเรื่องรูปร่างในช่วงอายุนี้ แต่จะสังเกตได้เลยว่าร่างกายเผาผลาญพลังงานไม่ได้มากเท่าเมื่อก่อน และน้ำหนักเริ่มขึ้นง่าย ควรเลือกกินอาหารที่มีโอเมก้า-3 และโอเมก้า-6 ที่มีในปลาแซลมอน เพื่อให้ร่างกายย่อยสลายไขมันได้ดี ก็จะช่วยลดปัญหาผิวหย่อนคล้อยเพราะไขมันสะสม โดยเฉพาะหน้าท้องและสะโพกที่จะเกิดผิวแตกลาย ถ้าอยากได้ความหวาน ก็ให้ดื่มน้ำผลไม้สดแทน นอกจากนี้ ชาเขียวยังช่วยจัดการกับไขมันได้ดีเช่นกัน

50+
ปัญหาริ้วรอยย่นที่ผิวกายเริ่มมีมากขึ้น บรรเทาด้วยการดูแลเป็นพิเศษ การเคลื่อนไหวร่างกายและอาหารดี ๆ จะช่วยให้คุณสู้กับริ้วรอยแห่งวัยได้
การดูแลผิว : บิกินีหรือวันพีช? หลายคนคงต้องตั้งคำถามนี้เมื่อหน้าท้องไม่แบนราบอีกต่อไป รูปร่างก็เริ่มเปลี่ยน และแน่นอนว่าผิวไม่กระชับดังเดิม ครีมบำรุงผิวหน้าท้องที่ใช้จึงควรมีส่วนผสมของคอลลาเจนและอิลาสติน เพื่อให้ผิวตึงกระชับและหนาขึ้น ส่วนโลชั่นบำรุงผิวกายที่มี AHA จะช่วยฟื้นฟูและสร้างเซลล์ผิวใหม่ ใช้ครีมนวดกระชับผิวบริเวณต้นขา ส่วนผิวที่แผงอกควรเลือกครีมที่มีซิลิเซียม และสารสกัดจากไข่มุกที่ช่วยให้เซลล์ผิวหนาแน่น ช่วยลดรอยย่นรวมถึงจุดด่างดำ

การออกกำลัง : การออกกำลังกายยังทำได้ แต่อย่าหักโหมเกินไป เช่น เดินออกกำลังหรือจ็อกกิ้ง ช่วงนี้การออกกำลังกระชับต้นแขนจะช่วยให้ทั้งกล้ามเนื้อและผิวกระชับขึ้น

อาหารผิว : บำรุงกระดูกด้วยอาหารที่มีแคลเซียม ไม่ว่าจะเป็นนม ผลิตภัณฑ์จากนม โยเกิร์ต มันฝรั่ง บร็อกโคลี่ ส่วนอาหารต้านริ้วรอยนั้น แท็กทีมกันมาทั้งผักและผลไม้ที่มีวิตามินเอและซีสูง ซึ่งเสริมสร้างแคโรทีนอยด์ที่ช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากอนุมูลอิสระ และยังขัดขวางการก่อ



แนะนำ >> ปรึกษาความสวยงามเพิ่มเติม +668-6917-6222 เอ็ม

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

อาหารบำรุงกระดูก

Kangzen Of ChiangRAI
รู้เรื่องสวย รวยสุขภาพ

อาหารบำรุงกระดูก
     กระดูกเป็นโครงสร้างของร่างกายทำหน้าที่พยุงร่างกาย ให้ทรงตัวอยู่ได้และเป็นที่เกาะของกล้ามเนื้อ กระดูกเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะประกอบด้วย น้ำประมาณร้อยละ 20 สารอินทรีย์ร้อยละ 30-40 ที่สำคัญคือ โปรตีน ที่เหลืออีกร้อยละ 40-50 เป็นแร่ธาตุต่างๆ แร่ธาตุที่สำคัญที่เป็นองค์ประกอบของกระดูก คือ แคลเซียมฟอสฟอรัส แมกนีเซียม แมงกานีส

          ดังนั้นการกินอาหารบำรุงกระดูกจะต้องกินอาหารที่มีแร่ธาตุอย่างสมดุลกัน การกินอย่างใด อย่างหนึ่งมากเกินไปก็จะเกิดผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน มาดูกันค่ะว่าสารอาหารอะไรที่สำคัญต่อกระดูกและอยู่ในอาหารประเภทไหนกันบ้าง

      แคลเซียม ทำให้กระดูกแข็งแรง พบใน นมสด ปลาป่น กุ้งแห้ง งาดำ ปลาซาร์ดีนกระป๋อง ผักใบเขียว ฟอสฟอรัส ทำให้กระดูกแข็งแรง พบใน เนื้อสัตว์ ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง เมล็ดฟักทอง
      แมกนีเซียม ช่วยให้กระดูกดึงแคลเซียมเข้ามาเก็บสะสมไว้ พบในผักใบเขียว รำข้าว ถั่วเมล็ดแห้ง
      Lysine ซึ่งเป็นกรดอะมิโนช่วยในการดูดซึมแคลเซียมและฟื้นฟู พบใน ยีสต์ ผลิตภัณฑ์ถั่วเหลือง แป้งถั่วเหลือง นมไขมันต่ำ และปลา.
      โบรอน เป็นแร่ธาตุที่ช่วยไม่ให้กระดูกเสียแคลเซียมมากเกินไป พบในผักผลไม้ และถั่วเปลือกแข็ง
      แมงกานีส เป็นองค์ประกอบของกระดูกช่วยไม่ให้กระดูกเสียแคลเซียมมากเกินไป พบในน้ำผลไม้อย่างน้ำสับปะรด
      วิตามินดี ช่วยให้กระดูกดึงแคลเซียมเข้ามาเก็บสะสมไว้ พบในน้ำมันตับปลา ปกติแสงแดดหรือรังสีอัลตราไวโอเลตจะช่วยให้ ผิวหนังสร้างวิตามินดีขึ้นได้

พฤติกรรมการกินอาหารบางอย่างสามารถส่งผลเสียต่อกระดูกได้ เช่น

      กาแฟ จากงานวิจัยจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐอเมริการะบุว่า กาแฟแค่ 2 ถ้วย ก็มากพอที่จะทำให้กระดูกเปราะบางได้ เนื่องจากคาเฟอีนในกาแฟจะทำให้ร่างกาย ขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะ
      น้ำอัดลม ทำให้เกิดภาวะกระดูกหักง่าย โดยผู้ที่ดื่มน้ำอัดลมเป็นประจำจะมีโอกาสเกิดกระดูกพรุนมากกว่า ผู้ที่ไม่ดื่ม 3-4 เท่า

        สำหรับผู้หญิงที่อายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ความหนาแน่นของกระดูกนอกจากจะไม่เพิ่มขึ้นแล้ว ยังเริ่มลดลงด้วยหากช่วงก่อนหน้านี้ไม่ได้บำรุงกระดูกให้แข็งแรงเต็มที่ ก็อาจทำให้กระดูกเปราะบางและแตกหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกบริเวณสะโพกซึ่งจะเจ็บปวด และทรมานมาก ผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน กระดูกจะบางลงราวๆ 2 เปอร์เซ็นต์ทุก 1 ปี ในขณะที่การกินแคลเซียมเมื่ออายุมากขึ้น ไม่ได้ช่วยความเพิ่มความหนาแน่นให้กับกระดูกแต่อย่างใด เพียงแต่ช่วยชะลอการสูญเสียปริมาตรของกระดูกลง



แนะนำ >> เค เค ไวต้าไลซ์ พลัส และ คังเซน มัลติ นิวเทรียนท์ พลัส
http://www.kangzenofcr.com/14834967/โปรจีน-progene
http://www.kangzenofcr.com/14830684/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%AA-multi-nutrients-plus

เยี่ยมชมเว็บไซต์
http://www.kangzenofcr.com/
http://kangzenofcr.blogspot.com/